Share
Get this

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555

My favourite Dramas : I Do, I Do(2012)

I Do I Do

เรื่องย่อ I Do I Do เป็นเรื่องราวของหญิงสาววัย 30 ที่ทำงานอยู่บริษัทออกแบบและผลิตรองเท้า Hwang Ji An รับบทโดย Kim Sun Ah ผู้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานและกำลังมีอานาคตที่สดใสรอเธออยู่ข้างหน้า แถมเธอยังเป็นสาวมั่นอีกต่างหากเรียกได้ว่าเจ้าแม่แฟชั่นเลยก็ว่าได้ จนกระทั้งวันหนึ่งก็เหมือนพรมลิขิตทำให้เธอได้พบกับชายหนุ่ม Park Tae Kang Lee Jang Woo ผู้ที่ผลิตรองเท้าเลียนแบบแบรนด์ดังๆ ในคืนหนึ่ง Hwang Ji An และ Park Tae Kang ก็ได้มีความสัมพันธ์กันโดยไม่ได้ตั้งใจ จนทำให้ Hwang Ji An เกิดตั้งท้องขึ้นมา เธอได้ไปฝากครรภ์และได้พบกับคู่รักเก่าซึ่งเป็นหมอสูตินรีเวชของเธอเอง Jo Eun Sung รับบทโดย Park Gun Hyung ความสับสนวุ่นวายในชีวิตเธอจึงเกิดขึ้น แถมคู่แข่งทางธุระกิจ Yeom Na Ri รับบทโดย Im Soo Hyang ก็พร้อมที่จะโค่มล้มเธอได้ทุกเมื่อ แล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปติดตาม ซีรีย์เกาหลี I DO, I DO









วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

My favourite Dramas : Queen In-Hyun's Man(2012)


Queen In-Hyun's Man


เรื่องย่อ ซีรีย์เกาหลี เรื่อง Queen In Hyun’s Man เป็นเรื่องราวของบัณฑิตหนุ่มที่อยู่ในสมัยโชซอนที่มีชื่อว่า Park Boong Do รับบทโดย Ji Hyun Woo ซึ่งเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือพระมเหสีอินยอน
(Queen In Hyun)ให้ได้กลับขึ้นคืนตำแหน่งพระมเหสีอีกครั้ง หลังจากที่พระสนมจางฮีปิน (Jang heebin) ได้วางแผนให้พระมเหสีอินยอนทรงถูกถอดจากตำแหน่ง แต่แล้วก็มีเหตุการณ์บางอย่างในระหว่างที่ Park Boong Do หาทางช่วยพระมเหสีอินยอน (Queen In Hyun) ทำให้เขาได้ข้ามกาลเวลามาในยุคปัจจุบัน แต่เมื่อ Park Boong Do มาถึงยุคปัจจุบันก็ได้พบกับ Choi Hee Jin รับบทโดย Yoo In Na ซึ่งเธอมีหน้าตาคล้ายกับ พระมเหสีอินยอน (Queen In Hyun) Choi Hee Jin เป็นดาราสาวที่ไม่มีชื่อเสียงแต่เธอก็อยากที่จะประสบความสำเร็จจากการเล่นบทบาทของพระมเหสีอินยอนในละครทีวี แล้วเมื่อ Choi Hee Jin ได้พบกับ Park Boong Do ก็มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
































My favourite Dramas : Heartstrings(2011)

Heartstrings

เรื่องย่อ Heartstrings” ซีรีย์ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้น ในโรงเรียนศิลปะ ที่เกี่ยวกับเครื่องดนตรีและวัฒนธรรม การเต้นและร้องเพลง บอกเล่าเรื่องราวของ ลี คยูวอน Lee Kyu Won(รับบทโดยพัค ชินเฮ) ผู้ที่เติบโตมาจากบ้านที่มีเชื้อสายผู้ที่เป็นนักร้องพันเสียงที่ยอดเยี่ยม ถึง 3 รุ่นและเป็นคนที่เชื่อในดนตรีที่นุ่มนวลและมีความสงบของเครื่องดนตรีโบราณ เชี่ยวชาญในการเล่นกายังคึม (พิณเกาหลี) และลีชิน Lee Shin (รับบทโดย จองยงฮวา นักร้องนำ วง CN Blue)นักร้องนำ วง “The Stupid”เกือบทั้งชีวิตของเขาคือดนตรีและกำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยสาขา ดนตรี และยังมี โยว จุน ฮี(รับบทโดย คัง มินฮยอก มือกลอง วง CN.Blue)เป็นนักศึกษาวิชาเอกการเขียนเชิงสร้างสรรค์และยังเป็นหัวหน้าวง “Stupid”

ซีรีย์เรื่องนี้มาจากฝีมือบทประพันธ์ของลี มยองซุกและกำกับการแสดงโดยพโย มินซูผู้ซึ่งเคยฝากผลงานซีรีย์ที่มีชื่อเสียงอาทิเช่น“Full House” (KBS, 2004) และ“Worlds Within” (KBS, 2008)

ผู้เกี่ยวของ JS Pictures Inc. บริษัทผู้ผลิตได้กล่าวว่า “ชองยงฮวาไม่ได้เพียงแค่แสดงความสามารถในการแสดงผ่าน ละครเรื่อง ‘You're beautiful’ เท่านั้นแต่ยังเป็นนักร้องนำและกีตาร์ของวงและยังมีความสามารถรอบตัวอีกด้วย และปาร์คชินฮเย(Park Shin Hye) ยังเป็นคนมีชีวิตชีวาและร่าเริง ด้วยหน้าตาที่น่ารักในบรรดานักแสดงด้วยกัน ปาร์คชินฮเย(Shin Hye) ยังมีความสามารถด้านการแสดงที่โดดเด่น ซึ่งหวังว่าจะเข้ากับคาเร็กเตอร์ของ ลีกยูวอน (Lee Kyu Won) ได้ดี

ขอบคุณที่มา popcornfor2



































My favourite Dramas : Love Rain(2012)

Love Rain

เรื่องย่อ Love Rain Korean drama Love Rain ซีรีย์น่าติดตามอีกเรื่อง ที่ได้นักแสดงนำ คุ้นหน้าคนไทย อย่าง จางกึนซอก กับนางเอก สาวสวย ยุนอาแห่งวง SNSD เรื่องราวความรัก ที่เริ่มจาก ยุค 70 จางกึนซอก รับบทบทเป็น สองบทบาท Seo In Ha นักศึกษาปี 70 และบทลูกชายชื่อ Seo Joon และ ยุนอา รับบทเป็น Kim Yoon Hee นักศึกษาปี 70 และ ลูกสาว Hana เรื่องราวความรักเกิดขึ้น เมื่อ Seo In Ha และ Kim Yoon Hee ในยุค 70 ทั้งสองพบรักกันในระหว่าง เรียนมหาวิทยาลัย แต่ความรักของทั้งคู่ต้องจบลงด้วยความไม่สมหวัง แต่แล้ว เมื่อ Seo Joon และ Hana ลูกๆของพวกเขา ได้มาพบรักกัน ในยุคปัจจุบัน ความรักของทั้งคู่ จะจบลงเหมือนพ่อและแม่เขาในยุค 70 หรือไม่ ติดตาม Love Rain








































My favourite Dramas : สาวน้อย(2012)


สาวน้อย

เรื่องย่อ สรรค์ (สน ส่งไพศาล) บุตรคนเดียวของ พระชาญชลาศัย (เกรียงไกร อุณหะนันท์) เสนาบดีกระทรวงการคลัง สรรค์มีความสามารถในการวาดภาพสีน้ำมัน หลังจากเรียนจบจากฟิลิปปินส์ เขาเดินทางกลับมาเมืองไทยพร้อมกับได้หมั้นหมายกับ สุวลี (บุษกร ตันติภนา) คืนวันหมั้นสรรค์ได้รู้ความจริงว่าพ่อมีภรรยาใหม่คือ มารศรี (บงกช คงมาลัย) นักร้องไนท์คลับ ซึ่งมารศรีได้กลายเป็นสาเหตุให้สรรค์ต้องมีปากเสียงอย่างรุนแรงกับพระชาญชลาศัย ด้วยความน้อยใจสรรค์จึงหนีไปอยู่กับ บุญมา(รัชชานนท์ สุขประกอบ) เพื่อนสนิท แต่ระหว่างทางสรรค์โดนดักทำร้ายจนทำให้เขาสูญเสียความทรงจำ

          เมื่อสรรค์รู้สึกตัวก็พบว่าตนเองอยู่ที่ท่าเรือข้ามฟากเกาะสีชัง โดยได้รับความช่วยเหลือจากเถ้าแก่ย่านท่าเรือและได้ตั้งชื่อใหม่ให้เขาว่า เสียม เสียมทำงานเป็นจับกังในเรือ วันหนึ่งเรือแล่นผ่านเกาะสีชัง เสียมได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะและเกิดหลงไหลในความงดงามของเกาะสีชัง จึงแอบหนีลงจากเรือและว่ายน้ำไปที่เกาะสีชังทันที ระหว่างที่เสียมกำลังว่ายน้ำเขาเกิดหมดแรงไปเสียก่อน แต่ก่อนที่เขาจะหมดสติจมลงไปใต้ท้องทะเล นิด (วรรณรท สนธิไชย) หญิงสาวชาวเกาะมาพบเข้าและได้ให้ความช่วยเหลือจนปลอดภัย

          เสียมหลงรักนิดตั้งแต่แรกพบจึงขออาศัยอยู่ด้วย แต่เขาเปรียบเหมือนคนพเนจร จึงทำให้ นิ่ม (ศันสนีย์ วัฒนานุกูล) แม่ของนิดและ เนือง(พงศ์สิริ บรรลือวงศ์) พี่ชาย รวมถึง เชิด (อาณัตพล ศิริชุมแสง) ชายหนุ่มที่หลงรักนิดมานาน รู้สึกไม่พอใจที่เสียมมาอาศัยอยู่ด้วย พวกเค้าจึงคอยตั้งแง่กับเสียมตลอดเวลา แต่ด้วยความดีของเสียมจึงเอาชนะใจของพวกเขาได้

          สิ่งที่ทำให้เสียมประหลาดใจคือการค้นพบว่าตนเองมีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษและสามารถวาดรูปได้อย่างงดงาม ด้วยเหตุนี้เสียมจึงตั้งใจวาดรูปนิดและตั้งชื่อรูปนี้ว่า สาวน้อย เขาได้มอบรูปนี้ให้กับเธอในวันแต่งงาน ทั้งคู่ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขบนเกาะสีชัง

          แต่แล้วเหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อพระชาญชลาศัยรู้ว่าสรรค์ความจำเสื่อมและอาศัยอยู่ที่เกาะสีชัง จึงรีบตามมาพบสรรค์และพากลับไปรักษาที่กรุงเทพฯ แต่สรรค์ไม่ยอมถ้าไม่มีนิดกลับไปด้วย เพราะเหตุนี้พระชาญชลาศัยจึงจำใจยอมพานิดไปอยู่กรุงเทพฯ ด้วยกัน

          ผลการรักษาทำให้ความทรงจำของสรรค์กลับคืนมา แต่โชคร้ายที่ความทรงจำของสรรค์ตอนที่อยู่เกาะสีชังกลับหายไป แม้กระทั่งนิดหญิงสาวที่สรรค์รักสุดหัวใจเขาก็จำเธอไม่ได้ สุวลีกังวลว่าสักวันหนึ่งสรรค์จะจำนิดได้หากทั้งคู่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน เธอจึงออกอุบายให้นิดไปทำงานเป็นข้ารับใช้ของ คุณหญิงมะลิ (วาสิฏฐี ศรีโลฟุ้ง) ภรรยาของ พระยาธรรมนูญ (เกริกเกียรติ พันธุ์พิพัฒน์)

          ระหว่างที่นิดเป็นข้ารับใช้เธอรู้ว่าคุณหญิงมะลิแอบคบชู้กับ หลวงจินดา (ปิยะ วิมุกตายน) เธอจึงคิดจะนำเรื่องนี้ไปบอกพระยาธรรมนูญ แต่ไม่ทันจะได้บอกนิดก็ถูกคุณหญิงมะลิจับได้ และหาเรื่องใส่ความทำให้เธอมีความผิดต้องติดคุก ทำให้นิดได้พบกับ ชด (อริศรา วงษ์ชาลี) นางละครซึ่งเคยมีชื่อเสียงโด่งดังในอดีต ในคุกนี้เองนิดกับชดกลายเป็นเพื่อนที่รู้ใจ เพราะทั้งคู่รักในเสียงเพลงและการแสดงเหมือนกัน

          จากนั้นไม่นาน แก้ว (ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์) เพื่อนสนิทของนิดที่พยายามหาทางช่วยให้นิดพ้นโทษ ได้นำความจริงที่คุณหญิงมะลิคบชู้ไปบอกกับพระยาธรรมนูญ เมื่อพระยาธรรมนูญรู้ความจริงจึงช่วยให้นิดและชดพ้นโทษออกมาพร้อมกับจัดตั้งคณะละครของชดให้กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง จากนั้นไม่นานนิดก็กลายเป็นนางเอกสาวพราวเสน่ห์ ผู้คนต่างชื่นชมและเรียกขานเธอว่า วนิดา

          เมื่อมีพร้อมทั้งชื่อเสียงและเงินทองเธอจึงกลับมาหาสรรค์อีกครั้ง เพื่อทวงชายอันเป็นที่รักคืนมาจากสุวลี ในเมื่อสุวลีทั้งสวยและฉลาด เธอหรือจะยอมเป็นผู้พายแพ้ เมื่อไม่มีใครยอมใคร บทสรุปของการต่อสู้ชิงชัยในความรักระหว่างหญิงสองคนจะลงเอยเช่นไร? ติดตามชมได้ใน ละครสาวน้อย













































My favourite Dramas : City Hunter(2011)

City Hunter

City Hunter" ซิตี้ฮันเตอร์ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง เขียนโดย Tsukasa Hojo และได้รับการนำมาสร้างเป็นละครในเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก และได้รับความสนใจจากทั่วโลก "City Hunter" ได้รับการปรับเปลี่ยนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโตเกียว เมื่อปี 1980 มาเป็นกรุงโซล ปี 2011 และตามโครงเรื่องเดิม ตัวละครใน City Hunter และบทบาทก็ปรับเปลี่ยนมาให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน

เรื่องย่อ City Hunter ซิตี้ฮันเตอร์
อี ยูนซอง (อี มินโฮ) นักสืบหนุ่มเพลย์บอย จบการศึกษาด๊อกเตอร์จาก M.I.Tอดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอ ที่ผันตัวมาเป็นนักสืบ ทำงานให้กับทีมของ Blue House สถานที่ทำงานของประธานาธิปดีเกาหลีใต้ และที่นี่ ยูนซองได้เจอกับ คิม นานา (พัค มินยอง) บอดี้การ์ดสาวสวย ที่ก่อนหน้านี้เป็นนักกีฬายูโด และได้มาเป็นบอดี้การ์ด ให้กับประธานาธิบดีที่ Blue House ทางรัฐบาลมอบหมายให้ทั้งคู่ทำงานร่วมกัน เพื่อสืบคดี แต่แล้ว เมื่อได้ทำงานร่วมกัน ความสนิทจึงก่อเกิดเป็นความรัก แต่ความรักมีอันต้องสั่นคลอน เมื่ออัยการหนุ่มสุดหล่อ คิมยองจู ( อี จุนฮยอก)ตกหลุมรัก นานา เช่นกัน ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสามจะเป็นอย่างไรติดตาม City Hunter เวอร์ชั่นเกาหลี




















วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

My most favourite Drama : Playful Kiss(2010)

Playful Kiss : จุ๊บหลอกๆอยากบอกว่ารัก

เรื่องย่อ บ็กซึงโจ (รับบทโดย คิมฮยอนจุง) อัจฉริยะรูปหล่อ ชายในฝันของสาว ๆ ทั้งโรงเรียน เขาได้รับจดหมายรัก จาก โอฮานิ (รับบทโดย จองโซมิน) สาวน้อยจอมทึ่ม ที่แอบมาหลงรักเขาอย่างเต็มหัวใจ ซึงโจ ผู้เฉยชานำจดหมายรักมาคืนให้กับ ฮานิ พร้อมแก้คำผิดในจดหมายให้กับเธอ แถมด้วยคำดูถูกเหยียดหยาม และยังให้เกรดยอดแย่กับการเขียนจดหมายฉบับนี้ของเธออีกด้วย ซึงโจ บอกกับ ฮานิ ตามตรงว่า เขาไม่ชอบผู้หญิงโง่ ๆ แบบเธอ ฮานิ ได้แต่เก็บความอายและความผิดหวังไว้ในใจ

พ่อของฮานิ ซื้อบ้านเดี่ยวหลังใหม่ 2 ชั้น ด้วยน้ำพักน้ำแรงจากการทำบะหมี่ วันย้ายบ้านใหม่ ฮานิ ชวนเพื่อน ๆ มาเลี้ยงฉลอง และขณะที่พูดคุยหลอกล้อกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น บงจุนกู (รับบทโดย อีแทซอง) เพื่อนชายที่เธอสนิทมาก และคอยติดตามเธอไปทุกหนทุกแห่ง ดันเอาหัวไปโขกกับเสาบ้านเล่น เรื่องที่ไม่คาดฝันจึงเกิดขึ้น บ้านของ ฮานิ ค่อย ๆ ร้าว และ ถล่มลงมา ต่อหน้าต่อตาทุกคน เหตุการณ์นี้กลายเป็นข่าวโด่งดัง โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าที่บ้านพัง เพราะบ้านไม่มั่นคง หรือว่าแผ่นดินไหวกันแน่ เพราะทั้งละแวกนั้นมีบ้านเธอหลังเดียวที่พัง ฮานิ และพ่อกลายเป็นคนไร้บ้านน่าสงสาร จากภาพข่าวที่แพร่ออกไปทั่วประเทศ ทำให้เพื่อนเก่าของพ่อที่เคยสนิทกันมากรู้ข่าว และพยายามติดต่อเพื่อช่วยเหลือพวกเขา

ฮานิ กลายเป็นที่รู้จักของคนทั้งโรงเรียน จุนกู ออกเรี่ยไรเงินเพื่อแสดงพลังแห่งความรักช่วยเหลือ ฮานิ ที่กำลังเดือดร้อน ในตอนนั้น ซึงโจ เดินผ่านมาพอดี จุนกู จึงบอกให้ ซึงโจ ช่วยบริจาคให้กับ ฮานิ ด้วย ซึงโจ จึงช่วยบริจาคด้วยความไม่เต็มใจนัก ฮานิ ปฏิเสธที่จะรับความช่วยเหลือนั้นแถมยังต่อว่า ซึงโจ ทั้งคู่จึงท้าทายกัน โดยในการสอบครั้งหน้า ฮานิ จะต้องทำคะแนนขึ้นไปติด 1 ใน 50 อันดับนักเรียนแถวหน้าของโรงเรียนให้ได้ ถ้าเธอทำได้ ซึงโจ จะยอมแบกเธอเดินทั่วโรงเรียน

และแล้ววันที่ ฮานิ และ พ่อ ต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านเพื่อนก็มาถึง พ่อดีใจมากที่จะได้เจอเพื่อนเก่าที่แสนดี พร้อมภรรยาที่น่ารักของเขา แต่ ฮานิ กลับต้องต้องตกตะลึงเมื่อรู้ว่าลูกชายคนโตของเพื่อนพ่อคือ เบ็ก ซึงโจ คู่ปรับของเธอ แถมน้องชายคนเล็กของเขายังดูถูก ฮานิ อีกว่าเธอโง่ มีแต่เพียงคุณแม่ของ ซึงโจ เท่านั้นที่ดีกับเธอ เพราะเธออยากมีลูกสาว แต่ดันมีลูกชายทั้ง 2 คน เธอจึงรัก ฮานิ เหมือนลูกสาว

ตอน ซึงโจ เป็นเด็ก คุณแม่ของ ซึงโจ พยายามแต่งตัวให้ ซึงโจ เป็นผู้หญิง เธอเอารูปตอน ซึงโจ แต่งเป็นผู้หญิงให้ ฮานิ ดู ฮานิ จึงแอบเอารูปนี้มาแบล็กเมล์โดยจะคืนรูปให้ ถ้า ซึงโจ ทำให้เธอสอบติด 1 ใน 50 อันดับนักเรียนแถวหน้าของโรงเรียนได้ โดย ซึงโจ ไม่ต้องแบกเธอเดินทั่วโรงเรียนแล้ว แต่ถ้าเขาไม่ยอมตกลง เธอจะเอารูปนี้ไปประจาน ซึงโจ จึงตกลงติวให้ ฮานิ อย่างไม่เต็มใจ แต่ด้วยความพยายาม ฮานิ ก็สอบติดอันดับ 50 จนได้ ถึงแม้ว่าเธอจะโง่เพียงใดก็ตาม

 หลังจากที่ต้องมาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ก็เกิดเรื่องราวปั่นป่วนมากมาย ฮานิ มักจะหาเรื่องมาให้ ซึงโจ เสมอ แต่ ซึงโจ ก็สามารถช่วย ฮานิ ให้ผ่านพ้นปัญหาต่าง ๆ ไปได้ทุกครั้ง นอกจากช่วงเวลาสุดแสนอลวนในบ้านแล้ว ช่วงเวลาสนุกสนานในโรงเรียนมัธยมก็กำลังจะผ่านไป ทุกคนต่างต้องพยายามอย่างหนักเพื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังให้ได้ แต่ ซึงโจ กลับขาดแรงบันดาลใจ ในการสอบ ต่างกับ ฮานิ ที่แม้เธอจะเรียนไม่เก่ง แต่เธอก็พยายามที่จะเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยให้ได้ ฮานิ ซึงโจ และเพื่อน ๆ จะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตนเองหวังได้หรือไม่ แล้วความรักใสใสระหว่างเขาและเธอจะลงเอยอย่างไร ร่วมอมยิ้มไปเรื่องราวความรักของพวกเขาได้ใน จุ๊บหลอกๆ อยากบอกว่ารัก Playful Kiss





























My favourite Dramas : Personal Taste(2010)

Personal Taste : รักไม่เก๊จัดเต็มหัวใจ

เรื่องย่อ จอนจินโฮ กับฮันชางรยอลเป็นคู่แข่งกันมาตลอดในการคัดเลือกบริษัทก่อสร้างและออกแบบ แต่ชางรยอลมักเป็นฝ่ายชนะ เพราะพ่อใช้เส้นสาย ถึงแบบของจินโฮจะดีกว่าก็ไม่อาจชนะได้ บริษัทของจินโฮจึงมีปัญหาการเงิน จินโฮต้องการแข่งขันในการคัดเลือกผู้รับเหมาโครงการ Dam Art Project ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ของบริษัท MS เมื่อรู้ว่าประธานของ MS ชอบการออกแบบบ้านซังโกแจของพัคชอลฮันมาก จินโฮจึงหาทางที่จะเข้าไปดูบ้านซังโกแจ เพื่อนำมาออกแบบ เพราะพัคชอลฮัน ค่อนข้างปิดเรื่องซังโกแจ และห้ามเข้าไปถ่ายรูป แต่ตอนนี้พัคชอลฮันไปเป็นอาจารย์ที่ประเทศอังกฤษ ที่บ้านซังโกแจจึงเหลือ แต่ลูกสาวคือ พัคแกอิน พัคแกอิน, คิมอินฮี และ อียองซัน เป็นเพื่อนสนิทกันมากว่า 10 ปี และแกอินยังให้อินฮีมาอาศัยที่บ้านตั้งหลายปี เพราะอินฮีไม่มีที่ไป เมื่ออินฮีจะแต่งงาน แกอินก็ดีใจกับเธอมาก แต่อินฮีไม่ยอมเปิดเผยว่าเจ้าบ่าวคือใคร จนกระทั่งแกอินไปพบในงานแต่งงานเองว่า เจ้าบ่าวคือ ฮันชางรยอล แฟนหนุ่มของแกอิน ที่พึ่งจะบอกเลิกกับแกอินเมื่อคืน แกอินจึงใจสลายอย่างแรง เมื่อเจอทั้งเพื่อนรักอย่างอินฮี และแฟนหนุ่มมาหักหลัง แต่เท่านั้นยังไม่พอ อีวอนโฮ เพื่อนสนิทอีกคนของแกอิน โดนคนหลอกต้มให้เอาเงินไปลงทุน ซึ่งเป็นเงินของแกอิน จนเป็นหนี้ก้อนโต แกอินต้องหาเงินมาใช้หนี้ จึงประกาศให้ เช่าห้องในซังโกแจ (ซึ่งเป็นห้องที่อินฮีเคยอยู่) จึงประจวบเหมาะกับที่จินโฮต้องการเข้ามาสังเกตุการณ์บ้านหลังนี้พอดี แกอินกับยองซันเคยบังเอิญเจอจินโฮกับซังจุนในสถานการณ์แปลกๆ จึงเข้าใจไปว่า 2 คนนี้เป็นคู่เกย์กัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาที่จะให้จินโฮมา พักในบ้านกับแกอิน 2 ต่อ 2 ...และด้วยเหตุนี้ จินโฮจึงได้เข้ามาอาศัยในบ้านซังโกแจ ซึ่งในความเข้าใจของแกอินนั้น จินโฮเป็นเกย์ เรื่องวุ่นวายจึงเกิดขั้น และเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องติดตามชมค่ะ รายชื่อนักแสดงนำ ลี มินโฮ ซง แย จิน คิม จี ซอก ฮวัง จี ฮแย























My favourite Dramas : Shut Up Flower Boy Band (2012)

Shut Up Flower Boy Band : ร็อคหน้าใส หัวใจขาโจ๋


เรื่องย่อ เรื่องราวของเด็กนักเรียนหนุ่มสุดฮอต ผู้มีใจรักในเสียงดนตรี จึงได้รวมตัวกันก่อตั้งวงร็อคสุดเท่ห์ ซึ่งเป็นที่มาของวง “อายส์แคนดี้” สุดยอดบอยแบนด์ของวงการเพลงใต้ดิน พวกเขามีสมาชิกร่วมวง 6 คน ประกอบด้วย จูบยองฮี (รับบทโดย อีมินกิ) ตำแหน่งลีดเดอร์วงและนักร้องนำ, ควอนจีฮยอก (รับบทโดย ซองจุน) ตำแหน่งกีตาร์มือหนึ่ง, อีฮยอนซู (รับบทโดย แอล/คิมมยองซู) ตำแหน่งกีตาร์มือสอง, จางโดอิล (รับบทโดย อีฮยอนแจ) ตำแหน่งมือกลองสุดเจ๋ง, คิมฮาจิน (รับบทโดย ยูมินกยู) ตำแหน่งมือเบส และ ซอคยองจง (รับบทโดย คิมมินซอก) ตำแหน่งมือคีย์บอร์ด

 นอกจากใบหน้าอันหล่อเหลาสามารถดึงดูดสายตาทุกคู่แล้ว พวกเขายังมีฝีมืออย่างมากรวมถึงมีสไตล์ในการเล่นดนตรีตามแบบฉบับของตนเอง จึงทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักฟังเพลง และบรรดาแฟนคลับสาวๆมากมาย แต่ทว่าพวกเขาชอบมีเรื่องทะเลาะวิวาทอยู่เป็นประจำ จึงมักถูกเพื่อนๆ และ อาจารย์ดูถูกเหยียดหยาม ทั้งยังขนานนามว่าเด็กเหลือขอ ดังนั้นดนตรีจึงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขารู้สึกเจิดจรัสและเป็นที่ชื่นชมในสายตาผู้คนรอบข้าง เรื่องราวความฝัน ความหวัง ความรัก และมิตรภาพของพวกเขาจะดำเนินต่อไปอย่าง พวกเขาต้องพบเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง ติดตามชมได้ในซีรีย์เกาหลีเรื่อง "Shut Up Flower Boy Band ร็อคหน้าใส หัวใจขาโจ๋"





My favourite Dramas : Boys Over Flower(2009)

My favourite Dramas : Boys Over Flower

เรื่องย่อ เรื่องราวมิตรภาพและความรักเกิดขึ้นเมื่อ คึมจันดี ได้พบกับสี่หนุ่มจอมปัญหาที่รวยที่สุดและเป็นพวกฟุ้งเฟ้อ โดยที่เธอมาส่งผ้าที่มาส่งซักแห้งที่ร้านของเธอ แต่การพบกันนั้นเธอได้สร้างความไม่พอใจให้ทั้งสี่หนุ่มเพราะว่าเธอเข้าไปยุ่งกับความอยุติธรรมที่พวกเขาสี่คนกำลังทำอยู่ ซึ่งแก๊ง F4 เป็นกลุ่มที่มีอภิสิทธิ์เหนือบรรดานักเรียนคนอื่นๆ แม้แต่อาจารย์ก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เนื่องด้วยเพราะโรงเรียนแห่งนี้ได้รับเงินบริจาคมาจากพ่อแม่ของพวกเขานั่นเอง

คึมจันดี มีโอกาสได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ เพราะเธอได้รับทุนการศึกษา ให้เขามาศึกษาในฐานะนักเรียนพิเศษ เนื่องด้วยเพราะเธอได้เข้าไปช่วยเหลือ เด็กนักเรียนคนหนึ่งของโรงเรียน ชินฮวาที่กำลังจะฆ่าตัวตายเพราะถูกกลั่นแกล้งจากแก๊ง F4

เมื่อเธอได้เข้ามาเรียน เธอก็ได้พบเห็นพฤติกรรมของ กูจุนเพียว หัวหน้าแก๊ง F4 ที่กลั่นแกล้งและทำร้ายนักเรียนคนอื่นๆ อยู่เป็นประจำซึ่งก็ได้สร้างความไม่พอใจให้เธอเป็นอย่างมาก

และด้วยความที่ต้องเผชิญหน้ากันอยู่บ่อยครั้ง จนกลายเป็นคู่ปรับประจำโรงเรียน ทำให้ กูจุนเพียว และ คึมจันดี เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น กูจุนเพียว รู้สึกว่า คึมจันดี ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อ คึมจันดี เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย จนกลายเป็นความรักในที่สุด แต่ในทางตรงกันข้าม คึมจันดี กลับรู้สึกว่าสิ่งที่ กูจุนเพียว แสดงออกมาเหมือนจะพยายามหลอกตนให้ตกหลุมพรางบางอย่าง

และที่สำคัญไปกว่านั้น เธอเริ่มมีใจให้กับ ยุนจีโฮ สมาชิก แก๊ง F4 อีกคน เนื่องด้วยเพราะเธอรู้สึกชอบพอในนิสัยของ ยุนจีโฮ ก็ด้วยเพราะเขาเป็นคนที่เงียบขรึม ไม่คุยโวโอ้อวดเหมือนสมาชิกแก๊ง F4 คนอื่นๆ และยังมาช่วยเหลือในตอนที่เธอเดือดร้อนหรือกำลังเศร้าทุกครั้งไป

ด้านยุนจีโฮ นั้นก็ได้แอบชอบ มินซอฮยอน เพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งตอนนี้ไปเป็นนางแบบอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส เธอมักจะเห็น ยุนจีโฮ นั่งมองภาพโฆษณาของ มินซอฮยอน อยู่บ่อยๆ จนเมื่อมีข่าวว่า มินซอฮยอน จะแต่งงาน ทำให้ ยุนจีโฮ เกิดหมดอาลัยตายอยากในชีวิต มีแต่เพียงคึมจันดี เท่านั้นที่คอยให้กำลังใจ

กูจุนเพียว พยายามพิสูจน์ตัวเองเพื่อหวังที่จะสามารถพิชิตใจ คึมจันดี ให้ได้ แต่อุปสรรคที่มากั้นขวางระหว่างความรักของทั้งสองช่างมีมากมายเหลือเกิน จนสมาชิกที่เหลือของแก๊ง F4 ต้องออกโรงช่วยเหลือ บทสรุปความรักของ กูจุนเพียว และ คึมจันดี จะเป็นอย่างไรต้องคอยติตตาม





My favourite Dramas : You're Beautiful(2009)

You're Beautiful : หล่อน่ารักกับซูปเปอร์สตาร์น่าเลิฟ

เรื่องย่อ โกมียอรอวันที่จะได้เป็นซิสเตอร์อย่างเป็นทางการ และเธอก็ได้รับเลือกให้ไปที่โรมเพื่อรับใช้ศาสนาตามที่เธอตั้งใจไว้ แต่แล้วเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นก่อนหน้าที่เธอจะเดินทาง จู่ๆ มีชายคนหนึ่งมาถามว่าเธอรู้จักโกมีนัมหรือไม่ และเมื่อเธอยอมรับว่าเป็นพี่ชายฝาแฝดของเธอเอง ชายคนนั้นจึงบอกว่าเขาเป็นผู้จัดการมาที่เป็นคนดูแลพี่ชายของเธอ เขารีบร้องขอความช่วยเหลือจากเธอ โดยใช้ข้ออ้างในการที่พี่ชายของเขาอยากโด่งดัง เพื่อจะได้หาแม่ที่แท้จริงของพวกเธอได้ เธอและพี่ชายจะได้พบแม่ ไม่ต้องเป็นเด็กกำพร้า ข้อตกลงที่เขาขอให้เธอทำคือให้เธอเป็นคนไปเซ็นสัญญาเข้าวงนักร้องที่ดังมากที่ชื่อวง A.N.JELL เธอเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรง เธอจึงยอมปลอมตัวเป็นพี่ชายฝาแฝดเข้าไปเซ็นสัญญากับทางบริษัท

แต่แล้ววันที่เธอเข้ามาเซ็นสัญญา ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่ตั้งใจไว้ ฮวังแทคยองที่เป็นหัวหน้าวงจับเธอไปทดสอบร้อง เพื่อที่จะยอมรับเธอเข้าวงในฐานะพี่ชายของเธอ เสียงร้องของเธอไม่ทำให้ทุกคนกล้าเป็นปรปักษ์ได้ เมื่อเรียบร้อยเธอจึงลาผู้จัดการมากลับ เมื่อผู้จัดการมาได้ยินว่าเธอกำลังจะเดินทางไปโรม เพื่อรับใช้ศาสนา เขาจึงขอร้องให้อยู่ต่ออีกหนึ่งเดือนเพื่อปลอมตัวเป็นพี่ชาย ย้ายเข้าไปอยู่กับคนในวงด้วยกัน

โกมียอปฏิเสธที่จะช่วยพี่ชายของเธอ แต่จริงๆ แล้วเธอก็ลังเลในการตัดสินใจ เพราะการที่พี่ชายอยากเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง เพื่อที่จะได้พบแม่ ภายหลังเธอก็ไม่สามารถหนีโชคชะตาที่กำหนดไว้แล้วได้ เธอไม่สามารถไปโรมดังที่ตั้งใจไว้ และเธอยังต้องยอมปลอมตัวเป็นพี่ชายของเธอเพื่อย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านกับเพื่อนร่วมวง

การใช้ชีวิตของโกมียอที่เคยตั้งใจจะเป็นซิสเตอร์รับใช้ศาสนาเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง เธอจะต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกับฮวังแทคยอง เจเรมี และคังชินวู โดยที่สามคนมีลักษณะที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฮวังแทคยองชอบทำตัวสันโดษ ทำเท่ห์ ขรึมๆ ส่วนเจเรมีเป็นคนร่าเริง สดใส และคังชินวูเป็นคนอ่อนโยน

ในงานปาร์ตี้ต้อนรับนักร้องร่วมวงคนใหม่ "โกมีนัม" นั้น โกมียอที่ปลอมตัวเป็นพี่ชายดื่มแชมเปญเข้าไปมาก จึงทำให้เธอเมา และเกิดเรื่องขึ้นจนได้ เธอตกลงมาจากเก้าอี้ ปากของเธอไปชนกับปากของแทคยอง (ซึ่งเป็นคนที่รังเกียจไม่ชอบให้คนอื่นมาถูกเนื้อต้องตัว) สลบไป เจเรมีเป็นคนหามแทคยองไปขึ้นรถ และชินวูเป็นคนหามโกมีนัมไปขึ้นรถ

และในวันนั้นเองชินวูรู้ว่าโกมีนัมเป็นผู้หญิง แต่ภาพที่มีการหามสองคนขึ้นรถทำให้แฟนคลับเข้าใจผิดว่าทั้งสองมีเรื่องวิวาทกัน และเป็นเพราะแทคยองโมโหที่โกมีนัมเข้ามาวุ่นวายชีวิตของเขา เขาจึงวางตัวออกห่างทำให้ข่าวลือระหว่างเขาและโกมีนัมไม่ดี

แล้วจู่ๆ แทคยองกลับมารู้ความลับสุดยอดของโกมีนัมว่าเธอเป็นผู้หญิง เขาจะยอมรับให้โกมีนัมอยู่ร่วมวงต่อไปหรือไม่ เขาจะรับได้หรือไม่ที่ชีวิตของเขาที่เคยเรียบง่ายจะต้องมีคนมาคอยวุ่นวายชีวิตของเขาเพิ่มอีกคน และโกมียอที่ปลอมเป็นโกมีนัมจะอดทนเป็นพี่ชายฝาแฝดของเธอได้หรือไม่ เธอจะได้พบแม่ที่แท้จริงของเธออย่างที่เธอและพี่ชายตั้งใจไว้ได้หรือไม่




My favourite Dramas : Yi San(2008)

Yi San :  ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน

เรื่องย่อ ปลายศตวรรษที่สิบแปดรัชสมัยของ พระเจ้าจองโจ (ลีซาน) พระราชาลำดับที่ยี่สิบสองของราชวงศ์โชซอน ซึ่งในประวัติศาสตร์ห้าร้อยปีของราชวงศ์โชซอน พระเจ้าจองโจนับว่าทรงเป็นพระราชาที่ทรงประสบมรสุมและปัญหาต่าง ๆ มากที่สุดพระองค์หนึ่ง แต่ด้วยความที่พระองค์ทรงมีปณิธานอันมุ่งมั่นที่จะทำให้ประชาชนของพระองค์มีชีวิตที่ดีขึ้น พระองค์จึงทรงพยายามที่จะการปฏิรูปและปรับปรุงประเทศชาติในด้านต่าง ๆ

ทั้งในด้านการปกครอง พระองค์ทรงสลายความบาดหมางของกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ที่สั่งสมมานานนับร้อยปีลงได้ ทางด้านเศรษฐกิจ พระเจ้าจองโจก็ทรงบุกเบิกเศรษฐกิจแนวใหม่ ซึ่งนับว่าแปลกใหม่ในศตวรรษที่สิบแปด หรือแม้แต่ในเรื่องของการศึกสงคราม พระเจ้าจองโจทรงสร้างความแข็งแกร่งเกรียงไกรให้กับกองทัพ สร้างความเป็นปึกแผ่นให้ชาติบ้านเมืองเป็นและด้วยความที่พระองค์ทรงเป็นพระราชาที่มีความคิดก้าวหน้า

อีกทั้งทรงเป็นพระราชาผู้ปกครองอาณาจักรด้วยความโอบอ้อมอารี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ทรงใช้หลักประชาธิปไตยในการปกครองประชาชนของพระองค์ จึงทำให้พระองค์กลายมาเป็นพระราชาที่ได้รับการสรรเสริญว่าเป็นพระราชาที่เป็นที่รักของราษฎร์มากที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์เกาหลี

พบเรื่องราวเส้นทางแห่งการก้าวสู่การเป็นพระราชาผู้ที่รักแห่งปวงชน และซาบซึ้งใจไปกับความรักระหว่างพระองค์กับนางกำนัล ซองซงยอน หญิงสาวผู้อยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจและมีส่วนทำให้ลีซานก้าวสู่ความเป็นใหญ่จนได้รับการขนานนามจากประชาชนว่า ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน





My favourite Dramas : Save Your Last Dance For Me(2004)

Save Your Last Dance For Me : 

ปลายฝันรักนั้นคือเธอ


เรื่องย่อ เขาได้เข้ามาในชีวิตเธออย่างไม่คาดฝัน และเธอก็ได้รักเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ คนรักของเธอหายตัวไป และสูญเสียความจำในอุบัติเหตุรถชน เธอเจอเขาอีกครั้งหนึ่งและแม้ว่าเขาจะสูญเสียความจำไป แต่เขารู้สึกสบายใจเวลาเธออยู่ข้าง ๆ และทำให้ความรักเบิกบานอีกครั้ง แต่ว่าการพลิกผันชะตาชีวิตอันโหดร้ายได้รอพวกเขาอยู่ นี้คือเรื่องราวความรักอันงดงามเกี่ยวกับสองคนนี้

ซีรี่ส์โรแมนติกดราม่าสุดเข้มข้นกับเรื่องราวความรักที่เต็มไปด้วยอุปสรรคของ ซูจิน (ยูจีน).หญิงสาวผู้แสนงดงามที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับ จานโฮ (จี ซุง) ชายหนุ่มผู้สูญเสียความทรงจำที่เธอได้ช่วยชีวิตเขาไว้ แต่เธอกลับต้องพบข่าวร้ายในคืนวันแต่งงานเมื่อพ่อของเธอได้มาด่วนจากไป ซ้ำร้ายชายหนุ่มที่เธอรักกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซูจินจะทำอย่างไรเมื่อต้องสูญเสียคนที่รักไปถึงสองคน แท้จริงแล้วจานโฮคือใคร และ.เขาจะรื้อฟื้นความทรงจำได้หรือไม่ เพราะพรหมลิขิตหรืออย่างไรที่ทำให้ใจของเธอและ.เขามาพบกัน ละครเรื่องนี้ได้ถูกนำมาสร้างใหม่จากนวนิยาย ซึ่งเขียนมาจากเรื่องชีวิตจริงเกี่ยวกับคนพิการคนหนึ่งที่ต้องทุกข์ทรมานจากการเป็นลมไปบ่อย ๆ ที่ได้เคยออกอากาศฉายทางช่อง CBS (Christian Broadcasting System)




My favourite Dramas : Sassy Girl Chun-hyang(2005)


Sassy Girl-hyang : สาวหน้าใสกับนายตัวแสบ

เรื่องย่อ เรื่องน่ารัก ซาบซึ้งใจ สุดฮา และสุดฮิตจากเกาหลีเรื่องนี้เล่าถึง เรื่องราวของ ซุง ชุน ยัง (Song Choon Hyang) สาวน้อยไฮสคูลในยุคปัจจุบัน สลับกับ เรื่องของ แม่นาง ชุน ยัง ในยุคโบราณ (ซึ่งเรื่องจะปรากฏในช่วงสุดท้ายของแต่ละตอน)
ลี โมง ยง (Lee Mong Ryon) ลูกชายจอมก่อเรื่องของหัวหน้าตำรวจลี ย้ายตามครอบครัวจากกรุงโซล ไปอยู่ที่เมืองนามวอน เขาได้พบกับสาวน้อย ซุง ชุน ยัง และเกิดการปะทะคารมกันอย่างแรง ทั้งสองพบกันอีกครั้งในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเรียน โมง ยง สนุกกับการตามแกล้ง ชุน ยัง มีอยู่ครั้งหนึ่ง โมง ยง แกล้งจน ชุน ยัง ตกลงไปในทะเลสาบ ทำให้เธอป่วยเป็นไข้หวัด เขารู้สึกสำนึกผิดจึงแวะไปเยี่ยมเธอที่บ้าน ขณะที่ ชุน ยัง นอนซมอยู่นั้น โมง ยง รู้สึกกระหายจึงดื่มน้ำผลไม้(ที่จริงคือไวน์) ไปจมหมดขวด ทำให้เขาเมาหลับอยู่ในห้องเดียวกับ ชุน ยัง
ขณะที่ทั้งสองหลับอยู่นั้น รถมอเตอร์ไซด์ของ โมง ยง ถูกขโมยไป หัวขโมยใช้รถคันนี้ไปก่อคดีกระชากกระเป๋า ทำให้ตำรวจเข้าใจผิดว่าโมง ยง เป็นผู้ก่อคดี เช้าวันรุ่งขึ้นสาวน้อย ชุน ยัง ต้องตกใจสุดขีดเมื่อตื่นขึ้นมาพบว่า โมง ยง (ซึ่งนุ่งกางเกง boxer ตัวเดียว) นอนอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกับเธอ เธอจึงไล่ทุบ โมง ยงไปทั่วบ้าน เขาวิ่งหนีไปนอกบ้านในสภาพทุลักทุเล พร้อมๆ กับที่พ่อของเขาได้นำตำรวจมาตรวจค้น และแม่ของ ชุน ยัง ที่พึ่งกลับจากการทำงานในไนท์คลับ ทุกคนอ้าปากค้างเมื่อเห็นสภาพดังกล่าว
โมง ยง นั้นอาจต้องคดี ชุน ยัง จึงตัดสินใจยอมรับกับตำรวจว่าเธออยู่กับเขาตลอดคืน ข่าวลือเรื่องทั้งสองมีความสัมพันธ์กับแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียน จนทำให้ครูใหญ่พิจารณาจะไล่ทั้งสองออกจากโรงเรียน ซึ่งจะทำให้ ชุน ยัง ซึ่งเป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนอาจพลาดจากการเข้า มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ทั้งสองครอบครัวจึงแก้ปัญหาด้วยการให้สองหนุ่มสาวแต่งงานกัน



















My favourite Dramas : ปางเสน่หา(2012)

ปางเสน่หา

เรื่องย่อ ร.ต.อ.เตชิต นายตำรวจหนุ่มหล่อ ฝีมือดี ขับรถเร็วอย่างน่ากลัวตามแรงอารมณ์ ซึ่งกำลังโกรธและแค้นใจที่สุด เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นายเจียงซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จึงถูกปล่อยตัว ของกลางที่ได้มากลับหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ คดีนี้เตชิตตั้งใจและทุ่มเททำงานอย่างหนักมานานกว่าสองปี วางแผนล่อซื้อจนจับกุมตัววายร้ายได้แล้ว ทว่าทุกอย่างกลับล้มเหลวเพียงข้ามคืน ที่ร้ายกว่านั้นคือผู้กำกับเสนา ผู้บังคับบัญชาของเขาสั่งให้เขาถอนตัวจากคดีนี้โดยเด็ดขาด และให้หลบไปซ่อนตัวสักระยะหนึ่ง ทั้งผู้กำกับเสนาและเตชิตรู้ดีว่า การที่เจียงถูกปล่อยตัว พวกมันต้องตามล่าเขาแน่ ชายหนุ่มอยากจะอยู่ลุยกับพวกมันตามประสาคนเลือดร้อน แต่ผู้กำกับเตือนสติให้เขาใจเย็น ๆ รอโอกาสในวันข้างหน้าจะดีกว่า เตชิตจึงต้องเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าขับรถเร็วราวกับจะบินได้ไปหาที่ซ่อนตัวตามคำสั่งอย่างไม่เต็มใจ

          บ่ายมากแล้วเมื่อเขามาถึงไร่สุขศรีตรัง รีสอร์ตเล็ก ๆ ของเพื่อนสาว เตชิตกับศรีตรังเจ้าของไร่และรีสอร์ตคนสวยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนฝันอยากเป็นตำรวจเหมือนกัน เมื่อเตชิตสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ ศรีตรังมุ่งมั่นเรียนกฎหมายจนจบปริญญาตรี เธอสอบเข้ารับราชการเป็นตำรวจจนได้ ทว่าทำงานที่รักได้ไม่นานเธอก็ต้องลาออกเมื่อบิดาและมารดาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุพร้อมกัน ทิ้งไร่ข้าวโพดหลายสิบไร่และรีสอร์ตสวยให้เธอดูแลต่อไป ศรีตรังจึงต้องเปลี่ยนจากการไล่จับผู้ร้ายมาเป็นเจ้าของไร่และรีสอร์ตแทน โดยที่ยังมีสัญชาติญาณของการเป็นตำรวจเต็มตัว หญิงสาวต้อนรับเตชิตอย่างเต็มใจ

          ศรีตรังสบตาเพื่อนนิดเดียวก็รู้ว่าเขากำลังมีปัญหา แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเพื่อนต้องช่วยเพื่อนเสมอ เธอให้เขาพักอยู่ที่บ้านหลังสุดท้ายเหมือนทุกครั้ง ศรีตรังให้ ป้าจุรี แม่บ้านของรีสอร์ตนำกุญแจไปเปิดบ้านให้ เตชิตจึงเดินไปพร้อมกับนาง บ้านหลังนี้ปลูกอยู่บนเนินจึงเห็นวิวสวยได้ไกลสุดสายตา เขาชอบที่นี่มาก มันสวยและสงบเหมาะกับการพักผ่อนและการหลบซ่อนที่สุด ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านอย่างคุ้นเคย ส่วนจุรีรีบขอตัวกลับทันที ท่าทางนางหวาดกลัวอะไรสักอย่างแต่เขาไม่สนใจมากนัก

          เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เตชิตต้องชะงักนิดหนึ่งเขารู้สึกแปลก ๆ เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว สัญชาติญาณตำรวจทำให้เขาเดินตรวจดูรอบบ้านอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ยิ่งสถานการณ์ที่ทำให้เขาต้องมาซ่อนตัวอย่างนี้ทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้นไปอีก ชายหนุ่มถอนใจยาวเมื่อไม่พบใครหรืออะไรที่ผิดสังเกต เตชิตเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก "คุณ" เขาเดินออกมาดูหน้าบ้านแต่ก็ไม่พบใคร เตชิตขำตัวเองที่ระวังระแวงจนหูแว่ว

          เขาหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ขึ้นมาผลัดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ ขณะที่เขากำลังถอดเสื้อผ้า เสียงใส ๆ ร้อง "ว้าย" ขึ้นมาทันที คราวนี้ชัดเจนจนเตชิตมั่นใจว่าเขาหูไม่ฝาดแน่นอน เขาวิ่งพรวดพราดออกมาจากบ้านพักตั้งใจจะจับสาวถ้ำมองให้ได้ เธอท้าทายตำรวจอย่างเขามากเกินไปแล้ว เตชิตลืมตัววิ่งออกมาทั้งที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เดินดูรอบบ้านไม่พบใครย้อนกลับมาอีกครั้งจึงพบลุงสม คนสวนของรีสอร์ตที่คุ้นเคยกันดี แกมองเขาแปลก ๆ เตชิตจึงเล่าให้แกฟังขำ ๆ ว่ามีผู้หญิงมาแอบดูเขา และต้องการจับตัวเธอให้ได้ ชายหนุ่มถามลุงสมว่าเห็นใครวิ่งหนีออกไปจากแถวนี้หรือเปล่า แต่ลุงสมยืนยันว่าไม่เห็นใคร เตชิตจึงย้อนกลับเข้าบ้านอย่างหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้น่าสงสัยมาก หนีได้รวดเร็วราวกับหายตัวได้

          เกือบค่ำแล้วเมื่อเตชิตเดินไปที่อาคารรับรองอีกครั้ง เนื่องจากว่าในรีสอร์ตนี้มีร้านอาหารอยู่ร้านเดียวที่อาคารรับรอง แขกทุกคนจึงต้องมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารนี้ ศรีตรังจัดโต๊ะไว้แล้วในส่วนที่ห่างจากคนอื่น ด้วยรู้ดีว่าทั้งเธอและเตชิตมีเรื่องต้องคุยกันจนดึก ดื่มกันจนใครสักคนไม่ไหวจึงจะได้กลับไปนอน นั่งดื่มกันไม่นานศรีตรังล้อเขาเรื่องวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาตามหาสาว เธอขู่เพื่อนว่าที่นี่ไม่มีหรอกจะมีก็แต่ผีแม่ม่ายให้เตชิตระวังตัวให้ดี ชายหนุ่มหัวเราะลั่นเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ ผีสางใด ๆ ทั้งสิ้น โดยอาชีพแล้วเป็นตำรวจด้วยจะกลัวอะไรง่าย ๆ ไม่ได้อยู่แล้ว เตชิตจึงพูดขำ ๆ ว่ามาจริงก็ดีเขาจะได้มีเพื่อนนอนคุยแก้เหงา

          เวลาผ่านไปจนค่อนคืน ศรีตรังเดินเซขึ้นห้องพักไปนานแล้ว ชายหนุ่มดื่มต่ออีกพักใหญ่จึงลุกขึ้นเดินโซเซถีบจักรยานกลับที่พัก ลุงสมมองตามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าชายหนุ่มจะมึนจนตกข้างทางเสียก่อนถึงบ้านพัก เตชิตถีบรถถึงบ้านจนได้ เขายังประคองสติไปได้จนถึงเตียงนอนก่อนจะล้มตัวลงและหลับไปในทันที เขารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก "คุณ" เป็นความรู้สึกเคลิ้ม ๆ กึ่งฝัน เตชิตปรือตามองตามเสียงเรียก แล้วยิ้มเมื่อเห็นสาวน้อย หน้าใส ตาแป๋ว นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหัวเราะเบา ๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อนสาวที่บอกให้ระวังผีแม่ม่าย ชายหนุ่มคว้าแขนนุ่มนิ่มแล้วรั้งตัวเธอมากอดไว้แน่นแต่คว้าได้แต่ลม พลางพึมพำว่าผีแม่ม่ายก่อนหลับไปอีกครั้งอย่างมีความสุข

          วันรุ่งขึ้นกว่าเตชิตจะตื่นก็สายมากแล้ว เขาพบป้าจุรีซึ่งมาตามพอดีนางบอกว่าศรีตรังรออยู่แล้วรีบกลับไป ชายหนุ่มจึงรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เขาออกจากห้องน้ำมาพบว่าใครคนหนึ่งกำลังวุ่นวายอยู่ที่กระเป๋าเสื้อผ้าของเขา เตชิตตวาดเสียงดัง สาวน้อยหน้าใส ตากลมโต หันมาตามเสียงเรียก ท่าทางเธอดีใจมาก เสียงหวาน ๆ ถามว่าเขาเห็นเธอด้วยหรือ ชายหนุ่มทำหน้าดุถามว่าเธอมาขโมยอะไรในกระเป๋าเขา เตชิตนึกเสียดายที่เด็กสาวหน้าตาดีคนนี้ริเป็นโจร เธอปฏิเสธเสียงดังว่าไม่ได้ขโมย เธอแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นใครเท่านั้น เตชิตจึงถามย้ำอีกครั้งว่าเธอเป็นใคร คำตอบของเธอทำให้เขาโกรธเพราะมีแต่คำว่า ไม่ทราบ ไม่รู้และจำไม่ได้ ท่าทางใส ซื่อของเธอทำให้เขายอมเชื่อว่าเธอพูดจริง เตชิตตัดสินใจว่าต้องพาไปพบศรีตรัง เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง เขาเรียกให้เธอตามเขามาแต่สาวน้อยทำท่าลังเล ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือจะคว้ามือเธอ เตชิตอึ้งเมื่อเห็นว่ามือของเขาผ่านทะลุมือเธอไปเฉย ๆ ชายหนุ่มยื่นมืออีกครั้งไปจับที่ไหล่ เขาพูดไม่ออกเมื่อเห็นมือตัวเองผ่านทะลุตัวเธอราวกับเป็นอากาศธาตุ

          เตชิตร้องลั่นว่า ผี เขาวิ่งหนีเธอไปอยู่ที่มุมห้อง ทำอะไรไม่ถูกเกิดมาไม่เคยเห็นผี และไม่เชื่อด้วย แต่เธอคนนี้ไม่มีตัวตน ไม่ใช่คน เขาสรุปว่าเป็นผี ขาดคำของเตชิต เธอก็วิ่งตามมาอยู่ใกล้ ๆ เขา พลางร้องลั่นว่าเธอกลัวผี ชายหนุ่มวิ่งวนหนีไปรอบห้อง สาวลึกลับก็วิ่งตามเขาแจ เธอพยายามเข้ามาแอบอยู่ข้างหลังเขา เสียงใสร้องกรี๊ด ๆ ว่าเธอกลัวผี วิ่งวนอยู่พักใหญ่จนเตชิตเหนื่อย อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ผีอะไรกลัวผีตัวเอง เขาต้องทำอะไรสักอย่าง จะมาคอยวิ่งหนีกันทั้งวันคงไม่ได้ ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเห็นว่าข้าวของเกลื่อนกระจายรอบห้องไปหมด เตชิตสั่งให้ผีสาวหน้าใสรอเขาที่บ้านก่อนจะรีบไปพบ ศรีตรัง ระหว่างทางที่ขี่จักรยานไปอาคารรับรองชายหนุ่มคิดสงสัยว่า เธอเป็นใคร และมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ตายเอง หรือถูกฆาตกรรม แล้วถ้าถูกฆาตกรรมเขาจะทำคดีนี้อย่างไร

          เตชิตรอจนศรีตรังว่าง จึงค่อย ๆ ถามข้อมูลของสาวลึกลับจากเธอ โดยไม่บอกว่าเขาพบอะไรมา แต่อดีตตำรวจสาวคนเก่งอย่างศรีตรังก็สงสัยจนได้ว่าเรื่องนี้มีพิรุธ เธอโวยวายไม่เชื่อเมื่อเตชิตบอกว่าเขาพบผี ท่าทางเขาจริงจังจนศรีตรังต้องยอมทำใจเชื่อ เธอก็ไม่ชอบเรื่องผี ๆ นี่เช่นกัน หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกเตชิตว่าบางที ป้าจุรีจะรู้เรื่องนี้บ้าง เวลาผ่านไปจนเกือบค่ำกว่าทั้งสองคนจะได้คุยกับจุรี ทั้งเตชิตและศรีตรังคิดเหมือนกันว่า เรื่องผีจะทำให้แขกที่มาพักตกใจกลัวรวมทั้งคนงานในไร่และรีสอร์ตนี้ด้วย ป้าจุรีอึกอักก่อนจะยอมรับว่านางเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่มาทำงานที่นี่เมื่อสองปีก่อน แรก ๆ ก็กลัวแต่เมื่อเวลาผ่านไป นางไม่เห็นว่าเธอจะทำร้ายใคร ความกลัวก็ลดน้อยลงแต่ก็ยังมีหวาด ๆ อยู่บ้าง จุรีบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่แต่ที่บ้านบนเนินไม่ไปไหน ชอบยืนอยู่ที่หน้าต่างหน้าบ้านเหมือนรอใครสักคน นางผ่านบ้านนั้นเมื่อไหร่ก็จะเห็นว่าเธออยู่อย่างนั้นทุกวัน จุรีบอกว่านางได้แต่แอบมองเพราะกลัว ระหว่างที่คุยกันนั้น อ้อยใจ ลูกสาวบุญธรรมของจุรีมาแอบฟังอย่างสนใจเป็นพิเศษ

          จุรีรับอ้อยใจมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก รักและเลี้ยงอย่างดีราวกับเป็นลูกสาวตัวเอง อ้อยใจเป็นสาวเร็วกว่าอายุ มีแฟนตั้งแต่ปีแรกที่เป็นนางสาว มาทำงานที่ไร่นี้ก็ควงหนุ่มในไร่ไม่ซ้ำหน้า จุรีอ่อนใจกับความประพฤติของลูกสาวเต็มทีแต่ก็ห้ามไม่ได้ มีเพียงไม่กี่เดือนนี้ที่อ้อยใจคบกับศักดิ์สิทธิ์ ลูกชายของพงษ์เทพผู้จัดการไร่โดยที่ยังไม่เปลี่ยนใจ คืนนั้นอ้อยใจถามจุรีเรื่องผีสาวจนรู้เรื่องจนได้ เธอรีบบอกแฟนหนุ่มทันทีที่พบกัน ศักดิ์สิทธิ์สั่งห้ามเธอทำเรื่องยุ่งเด็ดขาด แต่อ้อยใจไม่เชื่อเขา เธอจะไปหาเตชิต เพื่อนของศรีตรังเพื่อถามเรื่องนี้ให้ได้ เธอจะไม่ปล่อยให้ผีสาวตนนี้ตามหลอกหลอน รังควานเธอได้แน่นอน

          คืนนั้นหลังจากที่รู้เรื่องจากจุรี เตชิตตัดสินใจนอนค้างที่อาคารรับรอง เขาบอกศรีตรังว่าไม่กลัวผีสักหน่อย แค่ขอเวลาคิดสักคืนเท่านั้น วันรุ่งขึ้น ศรีตรังขับรถพาเตชิตและจุรี ไปกราบหลวงพ่อเปี่ยม พระภิกษุที่วัดซึ่งไม่ห่างจากรีสอร์ตนัก ทั้งสามเข้าไปกราบท่านที่โบสถ์ ท่านทักราวกับรออยู่ก่อนแล้ว เตชิต จึงเรียนให้ท่านทราบอย่างสะดวกใจ หลวงพ่อบอกว่าเขาและเธอจะต้องช่วยเหลือกัน แล้วเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผู้หญิงคนนี้ก็จะไปเอง ถ้ามีอะไรสงสัยก็ให้ถามกันเอง สายตาของหลวงพ่อที่มองไปที่ประตูโบสถ์ทำให้เตชิตมองตาม เขาขนลุกเกรียวเมื่อเห็นสาวน้อยหน้าใสตัวปัญหา ยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์ เตชิตตกใจมากเมื่อเห็นเธอก้าวช้า ๆ เข้าโบสถ์มา ยอบตัวลงคลานอย่างเรียบร้อยเข้ามาหมอบกราบหลวงพ่ออยู่ข้าง ๆ เขานั่นเอง ใครว่าผีกลัวพระไม่กล้าเข้าวัดแล้วทำไม ผีสาวตนนี้จึงกล้าถึงขนาดเข้ามากราบพระถึงในโบสถ์ กลางวันแสก ๆ อีกต่างหาก หรือว่าเธอจะเฮี้ยนมาก เตชิตตกใจถามเสียงใสเบา ๆ ว่ามาได้ยังไงก็เป็นผี ๆ เข้าวัดไม่ได้ พอได้ยินคำว่าผีเสียงใสรีบขยับตัวเข้าหาเตชิตทันที เตชิตเหลียวมองหาเพื่อน ปรากฏว่า สองสาวต่างวัยแต่ใจตรงกันหนีออกไปยืนตัวสั่นกอดกันอยู่ที่หน้าประตูโบสถ์เสียแล้ว ไม่ใช่เพราะเห็นเสียงใสแต่ไม่รู้เตชิตคุยกับใคร

          ระหว่างทางที่ขับรถกลับรีสอร์ต เตชิตคิดถึงเรื่องผีสาวหน้าใสตลอดทาง เขาตัดสินใจว่าจะต้องกลับไปที่บ้านพักและคุยกับเธอให้รู้เรื่องให้ได้ เขาอยากช่วยเธอซึ่งจะเป็นการช่วยให้ศรีตรังได้ทำรีสอร์ตต่อไปได้ด้วย เตชิตหาข้อมูลจากลุงสม พร้อมธูปกำใหญ่เพื่อเชิญวิญญาณของผีตนนี้ ทว่าเพียงเขาก้าวเข้าบ้านพักก็พบว่าเธอยืนรออยู่แล้ว แสงสีเรื่อเรืองรอบตัวเธอดูหม่นเศร้า เตชิตฉุกใจคิดได้ว่า ตั้งแต่ได้พบเธอ ผู้หญิงคนนี้จะมีแสงสีแปลก ๆ รอบตัวเธอ บางครั้งเหลืองสดใส ส้มสว่างน่ามอง หรือหม่นเศร้าอย่างนี้ เขาเข้าใจทันทีว่านี่คงเป็นการแสดงอารมณ์ ความรู้สึกของเธอนั่นเอง เขาถามเธอเรื่องข้อมูลส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติมสักนิด แถมไม่ยอมเชื่อว่าเธอตายแล้วเสียอีกแต่ก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเองเป็นอะไร และขอร้องให้เขาช่วยพาเธอกลับบ้านอย่างน่าสงสาร เตชิตยอมรับปากทั้งที่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร เขาตั้งชื่อให้เธอว่าเสียงใส เพราะเสียงของเธอที่เขาได้ยินนั้นหวานใสฟังเพลินจริง ๆ

          ศรีตรังหวาดกลัวเสียงใสแต่ก็ยอมช่วยเตชิตสืบหาความเป็นมาของตัวเธอ โดยไม่รู้ว่า สาวเสียงใสตามเตชิตไปด้วยทุกแห่ง เจ้าตัวเองก็แปลกใจเพราะก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถออกไปไหนได้ ติดอยู่ที่บ้านนั้นราวกับถูกพันธนาการไว้ แต่เมื่อพบเตชิต นอกจากการที่เขาเป็นคนพิเศษที่สามารถมองเห็นเธอ พูดคุยกันได้แล้ว เพียงคิดว่าจะไปกับเขา เธอก็สามารถออกจากบ้านนั้นและตามเขาไปได้ทุกแห่ง เสียงใสดีใจที่เธอไม่ต้องเหงาอีกต่อไป ศรีตรังกับเตชิตไปที่สถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่นั้น ดูแฟ้มคดีคนหายในห้วงเวลาสองปี ที่มีบุคลิกลักษณะใกล้เคียงกับเสียงใส คนที่น่าสนใจคือเกษรา หลานสาวคนสวยของยายภา คนงานในไร่ ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ชาวบ้านนินทาว่าเธอคงจะหนีตามผู้ชายไป แต่ยายภาไม่เชื่อ นางรู้จักหลานสาวของเธอดี ว่าเป็นคนเรียบร้อย ไม่ใช่สาวประเภทไวไฟเหมือนวัยรุ่นทั่วไป

          ศรีตรังรู้จักเกษรา เธอเล่าให้เตชิตฟังว่า เกษรา เป็นแฟนกับตรีทศ ผู้จัดการโรงงานแปรรูปข้าวโพด ทั้งสองคนรักกันมาก เมื่อเกษราหายไป ตรีทศเองก็เสียใจ ที่ร้ายกว่านั้นคือเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกว่าเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเธอ ตำรวจสอบปากคำเขาหลายครั้งกว่าจะเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ ศรีตรังพาเตชิตไปคุยกับตรีทศ เสียงใสที่ตามไปด้วยมองตรีทศเหมือนคนที่ไม่รู้จักกัน ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว ตรีทศยังยืนคิดถึงเกษราอย่างเศร้ารันทดอีกนาน

          ข่าวการตามหาตัวเกษราของเตชิตทำให้อ้อยใจร้อนใจจนทนไม่ไหว เธอกับศักดิ์สิทธิ์รู้ดีว่าเกษราอยู่ที่ไหน แต่มันต้องเป็นความลับตลอดไป เมื่อศักดิ์สิทธิ์ใจเย็น อ้อยใจตัดสินใจจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธอมาแอบดูอยู่หน้าบ้านตรีทศเมื่อเห็นว่า ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว อ้อยใจรอจนค่ำจึงเข้าไปพบตรีทศ เธอทำหน้าเศร้า ร้องไห้แล้วบอกเขาว่า เธอฝันถึงเกษราว่ามาขอร้องให้ช่วย ในฝันนั้นเกษราน่าสงสารมาก หญิงสาวบอกว่าถูกทำร้ายแล้วโดนฝังอยู่ท้ายไร่ ตรีทศใจหาย ความรักความผูกพันที่มีต่อกันทำให้เขาสั่งอ้อยใจให้พาเขาไปที่นั่นพร้อมกับนำพลั่วไปด้วย ถึงไม่ค่อยเชื่ออ้อยใจนักแต่การไปพิสูจน์ดูก็ไม่เสียหายแล้วอาจจะทำให้เขาช่วยเกษราด้วย

          ในช่วงเวลาเดียวกันที่บ้านพักบนเนิน จู่ ๆ เสียงใสก็ขอร้องให้เตชิตไปที่ท้ายไร่กับเธอ ชายหนุ่มยอมทำตาม เมื่อเดินไปได้สักระยะหนึ่งเตชิตสังเกตเห็นอ้อยใจกับตรีทศกำลังมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน พลั่วในมือเขาทำให้เตชิตสงสัยมาก เขาปล่อยให้ทั้งสองคนผ่านไปก่อน จึงตามไปดู อ้อยใจแกล้งชี้ให้ตรีทศขุดตรงนั้นตรงนี้ ก่อนจะชี้ให้เขาขุดอีกครั้งที่ข้างโรงบำบัดน้ำเสีย เตชิตโทรศัพท์บอกศรีตรังให้ตามมาและพาคนงานมาด้วย ตรีทศขุดไปสักพักก็หยุด เขาทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า โครงกระดูกมนุษย์ขาวโพลนอยู่ก้นหลุม ศรีตรังมาทันเวลา เธอกับเตชิตจึงช่วยกันคุมตัว ตรีทศกับอ้อยใจส่งตำรวจ เสียงใสตามดูอย่างสนใจ ถ้าเตชิตคิดถูกว่าเธอคือเกษราแล้วทำไมเธอจึงจำใครไม่ได้สักคน เวลาผ่านไปโครงกระดูกนั้นถูกขุดขึ้นมาตรวจพิสูจน์ว่าผู้ตายคือ เกษราจริง ๆ

          อ้อยใจถูกสอบเค้นจนยอมสารภาพว่าเธอกับศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจที่ตรีทศรักกับเกษรา ทั้งที่จริงแล้วเกษราเคยคบกับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ส่วนอ้อยใจก็เคยคบอยู่กับตรีทศ แล้วต่างก็เลิกรากันไป ตรีทศมีโอกาสได้พูดคุยกับเกษราบ่อยครั้ง จนในที่สุดก็รักกัน ขณะที่อ้อยใจเองก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับศักดิ์สิทธิ์ ตรีทศกับเกษราเป็นคู่รักที่น่ารักเหมาะสมกันมากจนศักดิ์สิทธิ์และอ้อยใจหมั่นไส้ เกลียดชัง ทั้งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันแล้ว ทั้งสองคนวางแผนหลอกจับตัวเกษราไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์จะข่มขืนเธอแล้วอ้อยใจจะถ่ายคลิปส่งไปเยาะเย้ยตรีทศ ว่าผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวอย่างเกษรา ก็เป็นเมียของศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ทว่าเกษราไม่ยอมง่าย ๆ เธอสู้เพื่อป้องกันตัวจนสุดกำลัง จนทำให้ศักดิ์สิทธิ์กับอ้อยใจเจ็บตัวทั้งคู่ ศักดิ์สิทธิ์โกรธจนลืมตัวเขาทำร้ายเกษราแล้วบีบคอตายคามือ กลางดึกคืนนั้นทั้งสองคนจึงช่วยกันนำร่างของเกษราไปฝังไว้ข้าง ๆ โรงบำบัดน้ำเสียของโรงงานแปรรูปข้าวโพด กลิ่นเหม็นบริเวณโรงบำบัดกลบกลิ่นเน่าของศพจนไม่มีใครสงสัย

          เมื่อตำรวจตามไปจับตัวศักดิ์สิทธิ์มา ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง ทว่าแหวนทองคำวงเล็กที่พบอยู่ก้นหลุมกลับเป็นหลักฐานมัดตัวเขา เมื่อพงษ์เทพพ่อของศักดิ์สิทธิ์เห็นแหวนก็บอกตำรวจว่าแหวนวงนั้นเป็นของภรรยาเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่จริงแหวนนั้นมีเป็นคู่เพราะเป็นแหวนแต่งงานอีกวงหนึ่งสวมติดนิ้วเขาอยู่ ส่วนของภรรยาเมื่อเธอเสียชีวิตแล้ว ลูกชายมาขอไปสวมเป็นแหวนก้อย แล้ววันหนึ่งก็มาบอกว่าหาย ศักดิ์สิทธิ์คอตกพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าแหวนวงนั้นจะหลุดตกลงไปในหลุมศพเกษราจนกลายมาเป็นหลักฐานมัดตัวเขาได้

          ยายภานำโครงกระดูกเกษราไปบำเพ็ญกุศล ก่อนจะเผาตามประเพณี ในวันที่เผาศพเกษรานั้น เตชิตไม่ไปร่วมงานเขาอยากจะรอ”ส่ง”เสียงใส ให้เรียบร้อย เมื่อร่างถูกเผาวิญญาณก็ควรจะไปเช่นกัน บรรยากาศน่าจะดีเมื่อเรื่องเข้าที่เข้าทาง แต่เตชิตกับเสียงใสกลับไม่มีความสุข เขาและเธอคุ้นชินที่จะมีกันและกันเสียแล้ว งานศพเสร็จไปหลายวันแล้วแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามที่เตชิตคิดผีสาวเสียงใสยังคงอยู่กับเขาเหมือนเดิม ชายหนุ่มไปพบยายภาที่บ้านเขาอยากรู้ว่ามันติดขัดตรงไหน เสียงใสตามไปด้วย เมื่อเตชิตเห็นรูปเกษราเขาก็ได้คำตอบ เพราะไม่เหมือนกันเลยสักนิด เสียงใสไม่ใช่เกษรา ชายหนุ่มปรายตามองเสียงใสดุ ๆ เมื่อเธอพูดอย่างดีใจว่า เธอจำได้แล้ว ในวันที่เกิดเรื่อง เกษรานี่เองที่มาบอกให้เธอพาเตชิตไปที่ท้ายไร่ ออกจากบ้านยายภาแล้วชายหนุ่มจึงมีโอกาสถามเสียงใสว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่วันนั้นว่ามีคนมาตามให้ไปที่นั่น เสียงใสตอบเสียงเบาว่าเธอไม่รู้ว่าเกษราตายแล้ว เข้าใจว่าเป็นสาวคนงาน ถ้ารู้ว่าเป็นผีเธอไม่ยอมพูดด้วยแน่นอน เพราะเธอกลัวผีมาก เตชิตอดหัวเราะไม่ได้ ผีกลัวผีก็มีด้วย

          เวลาผ่านไป เตชิตต้องคิดหาทางช่วยเสียงใสต่อไปเขาปล่อยให้ศรีตรังเข้าใจว่า เสียงใสไปแล้วเมื่อจบเรื่องเกษรา ทั้งที่ผีสาวเสียงใสก็ยังอยู่ใกล้ ๆ เขานั่นเอง วันหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวของนักแสดงสาวสวยชื่อเจนจิราถูกตำรวจจับเพราะขับรถเร็ว เสียงใสชะโงกหน้ามาดูรูปจากหนังสือพิมพ์ในมือเตชิต แล้วพูดอย่างดีใจว่ารู้จักผู้หญิงคนนี้เพราะเป็นเพื่อนเธอ แต่ชื่อชลธิดาไม่ใช่เจนจิรา ชายหนุ่มดีใจที่มีช่องทางให้สืบหาตัวตนของเสียงใสอีกครั้ง เขาตัดสินใจกลับกรุงเทพฯ ทันที ขับรถออกจากรีสอร์ตได้ไม่ไกลนัก เสียงใสก็บอกให้เขาจอดรถ เธอลงจากรถเดินเร็ว ๆ ลงไปข้างทางซึ่งเป็นที่ดินกว้างค่อนข้างรก เมื่อเตชิตตามลงไปเธอก็บอกให้เขาช่วยเธอหาของสำคัญชิ้นหนึ่งที่เป็นของเธอ ช่วยกันหาอยู่นานกว่าเสียงใสจะชี้ให้เขาขุดพื้นดินตรงหน้า ชายหนุ่มใจหายเมื่อคิดว่าอาจจะเป็นเหมือนกับเกษรา ที่ตามคนมาขุดกระดูกของตัวเอง ขุดลงไปไม่ลึกนักก็พบพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ อัดกรอบพลาสติกสำหรับร้อยสร้อยห้อยคอองค์หนึ่ง เสียงใสดีใจมากบอกว่าพระองค์นั้นเป็นของเธอ และจำได้ว่าเธอเคยสวมสร้อยพร้อมพระองค์นี้ติดตัวเสมอ เตชิตนิ่งฟังอย่างสนใจว่าเธอจะจำอะไรได้อีกบ้างทว่า ไม่มีอะไรเพิ่มเติมนอกจากนี้

          ค่ำแล้วเมื่อเตชิตกลับถึงบ้าน เสียงใสรู้สึกเขินอายที่จะต้องมาอยู่บ้านเดียวกับเขา ชายหนุ่มมองแสงสีชมพูอ่อนที่ฟุ้งรอบตัวเธอ เดาได้ว่าเธอคงอายจึงแกล้งถามว่าเธออายอะไร เสียงใสปฏิเสธแต่แสงสีชมพูนั้นกลับมีสีเข้มมากขึ้นจนเตชิตอดหัวเราะไม่ได้ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเห็นแสงสีพวกนั้นและรู้ด้วยว่ามันหมายถึงอะไร เตชิตให้เสียงใสรอข้างล่างขณะที่เขาขอตัวไปอาบน้ำข้างบน หญิงสาวเดินวนดูรอบห้องก่อนจะกลับมานั่งที่เก้าอี้ เด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ 10 ขวบ เดินลงมาจากข้างบน เดินเข้ามาหาและลงนั่งคุยด้วย เสียงใสแปลกใจที่แกมองเห็นเธอด้วย แกบอกว่าพ่อแกชื่อเตชิต ส่วนแม่นั้นตายไปนานแล้ว เด็กชายพูดต่ออย่างน่าสงสารว่าพ่อเตชิตมักจะลืมแกทิ้งไว้บ้านเสมอ แกบอกเสียงใสว่าแกอยากมีแม่ คุยกันอีกสองสามคำเด็กน้อยเดินกลับไปข้างบนบ้าน ไม่นานนักเตชิตก็กลับลงมา เสียงใสถามถึงเด็กชายว่าทำไมไม่ลงมาด้วยกัน ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงใคร ในเมื่อทั้งบ้านนี้มีเขาอยู่คนเดียว เสียงใสจึงบอกว่าเธอพบกับลูกชายของเขาแล้ว แกเพิ่งกลับไปข้างบนเมื่อครู่นี้เอง

          เตชิตเอนตัวพิงเบาะเก้าอี้อย่างหมดแรง สีหน้าเครียดเข้มอย่างน่ากลัว เสียงใสใจไม่ดีเธอไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน ชายหนุ่มนิ่งอย่างนั้นครู่ใหญ่ก่อนจะเล่าว่า เขาแต่งงานมีครอบครัวตั้งแต่เรียนจบใหม่ ๆ ภรรยาของเขาชื่อ พิมพ์ลดา และเป็นเพื่อนกับศรีตรัง แต่งงานกันได้ไม่กี่ปี เธอก็ถูกคนร้ายเมายาบ้าฆ่าตายพร้อมลูกในท้อง โดยที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าแกเลยด้วยซ้ำ เสียงใสสงสารและเห็นใจเขามาก เธอพยายามปลอบเขาทั้งที่ตัวเองกำลังร้องไห้อย่างน่าขำ

          วันรุ่งขึ้นเตชิตถูกตามตัวให้เข้าที่ทำงาน ชายหนุ่มหงุดหงิดเมื่อผู้กำกับเสนาสั่งให้เขาวางมือจากคดีเสี่ยสงครามและให้ส่งมอบข้อมูลให้ ร.ต.อ.พอลซึ่งจะมาทำงานแทนเขา เตชิตรู้สึกคุ้นหน้าเหมือนเคยรู้จักมาก่อน แต่สายตาของตำรวจหนุ่มหล่อมาดเข้มชื่อ พอล ที่มองเขามันเหมือนเป็นคู่อริกันมากกว่าจะเคยเป็นเพื่อนกัน เตชิตไปพบนายตำรวจรุ่นพี่อีกคนเพื่อให้ช่วยเสก็ตช์ภาพของเสียงใส โดยที่เขาเป็นคนอธิบายลักษณะหน้าตาของนางแบบจำเป็นที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ไม่นานนักก็ได้ภาพของเธอ คืนนี้เขาจะไปพบเจนจิราที่ผับแห่งหนึ่งตามที่ได้ข้อมูลจากธากรณ์ เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ซึ่งเตือนเขาว่าให้ระวังตัวให้มาก เพราะมีข่าวว่าเจนจิราเป็นผู้หญิงคนใหม่ของเสี่ยสงคราม

          เสี่ยสงคราม หรือ เดนิส หยาง พ่อค้ายาเสพติดชาวจีนรายใหญ่ที่มีอิทธิพลมาก เขาเข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยเพื่อหาทางฟอกเงินที่ได้จากการค้ายา เดนิส หยางต้องการได้สัญชาติไทยจึงจ้างปรกเดือนพนักงานสาวสวยในบริษัทให้แต่งงานกับเขา ปรกเดือนยอมตกลง เงินค่าจ้างนั้นมากพอที่จะส่งให้ปรายดาวน้องสาวคนเดียวไปเรียนต่อต่างประเทศได้อย่างที่ต้องการ พ่อแม่ของทั้งคู่เพิ่งตายไป ปรกเดือนจึงต้องดูแลน้องสาวแทน ซึ่งเธอก็เต็มใจ พี่น้องสองคนนี้รักกันมาก เหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เธอแต่งงานกับเดนิส คือ เธอรักเขา ปรกเดือนรักเดนิสตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเขา ทั้งที่ในตอนนั้นเดนิสจะยังไม่รู้จักเธอเสียด้วยซ้ำ เมื่อเดนิสต้องการแต่งงานกับผู้หญิงไทยเขาเลือกคนที่เหมาะสมอยู่นานจนกระทั่งพบปรกเดือน เขาจึงตัดสินใจแต่งงานกับเธอ ปรกเดือนสวยและแสนดีจนทำให้เดนิสรักเธอได้ไม่ยากนัก แม้เขาจะมีผู้หญิงหลายคนแต่ก็รู้กันว่าปรกเดือนคือคนที่เดนิสรักที่สุด

          เวลาผ่านไปเมื่อปรายดาวเรียนจบเธอเดินทางกลับประเทศไทย เธอสวยน่ารักจนไปสะดุดตาหุ้นส่วนคนหนึ่งของเดนิส เขามาเจรจาขอซื้อปรายดาวกับเดนิส เมื่อเดนิสบอกปรกเดือนให้ไปคุยกับน้องสาว เธอโกรธมากและพยายามหาทางช่วยปรายดาวให้หนีไป แล้ววันนั้นปรายดาวก็ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนทำให้เธอไม่รู้สึกตัวอีกเลย หลับเป็นเจ้าหญิงนิทรา ปรกเดือนเสียใจมากโทษว่าเป็นความผิดของ เดนิส เธอหมางเมินเขาและหันไปทุ่มเทดูแลน้องสาวคนเดียวอย่างดีที่สุด สองปีผ่านไป ปรกเดือนไม่เหนื่อยหรือท้อใจ เธอมั่นใจว่าวันหนึ่งปรายดาวจะตื่นขึ้นมาและหายเป็นปกติ

          การสืบหาตัวตนของเสียงใสทำให้เตชิตต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีเสี่ยสงครามอีกจนได้ เมื่อเขาตามเจนจิราไปที่ผับ หาโอกาสตีสนิท จนเธอยอมให้เขาไปส่งเธอที่อพาร์ตเมนท์ ก่อนที่เธอจะลงจากรถ เตชิตหยิบภาพเสก็ตช์ของเสียงใสมาขอลายเซ็นจาก เจนจิรา โดยบอกว่าเป็นดาราคนโปรด เจนจิราตกใจมากเมื่อเห็นรูป ราวกับกลัวอะไรสักอย่าง เธอรีบเซ็นต์ให้อย่างขอไปที ลงจากรถได้ก็แทบจะวิ่งเข้าไปในอพาร์ตเมนท์ หญิงสาวรีบโทรศัพท์บอกเดนิส ว่ามีผู้ชายนำรูปปรายดาวมาถามกับเธอ

          วันต่อมาเตชิตหงุดหงิดเมื่อสังเกตได้ว่า มีชายฉกรรจ์ สามสี่คนกำลังสะกดรอยเขา เขาคิดว่าคงเป็นผลจากการที่เขาไปพบเจนจิรา ชายหนุ่มจึงขับรถไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่หน้าอพาร์ตเมนท์ที่เธอพัก พวกนั้นตามมาจริง ๆ เตชิตจึงให้เสียงใสไปแอบฟังว่าพวกมันจะทำอะไร เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงเสียงใส สายลับล่องหนของเขา ทว่าครู่เดียวเตชิตก็ต้องอารมณ์เสียเมื่อเห็น พอล กำลังเดินมาที่รถ เขาก้มตัวลงพูดกับเตชิตเสียงเข้มดุให้รีบไปจากที่นี่ และเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ได้แล้ว ก่อนที่เขาจะรายงานให้ผู้กำกับเสนารู้ พอลก้าวยาว ๆ กลับไปแล้ว เตชิตสตาร์ทรถแล้วขับออกมาทันทีด้วยอาการกระแทกกระทั้น เขากำลังโมโหมาก นึกอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าพอลเป็นใคร ทำไมจึงตามวุ่นวายกับเขานัก เตชิตโกรธจนลืมเสียงใส จนกระทั่งได้ยินเธอถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ตอบแต่กลับให้เธอเล่าว่ารู้อะไรมาบ้าง คำตอบคือไม่รู้ว่าพวกนั้นคุยอะไรกันและหมายถึงอะไร จู่ ๆ รถของเขาก็ถูกชน คู่กรณีเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่พูดจายั่วโมโหท้าทายเตชิตจนเขาทนไม่ไหว ชกต่อยกับพวกมันจนได้ เสียงใสโกรธที่ช่วยเขาไม่ได้ มือเธอที่พยายามจับตัวพวกนั้นทะลุผ่านตัวมันไปหมด เธอหยิบจับสัมผัสอะไรไม่ได้เลย ชกต่อยชุลมุนครู่ใหญ่ พวกมันเริ่มล่าถอยแต่แล้วจู่ ๆ เตชิตก็ถูกใครคนหนึ่งใช้ไม้ฟาดที่ศีรษะอย่างแรงจนสลบ เขาถูกกลุ่มคนร้ายลากตัวขึ้นรถออกไปจากที่นั่นทันที เสียงใสแทรกตัวเข้าไปกอดประคองเตชิตพยายามเช็ดเลือดให้เขาแต่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

          เตชิตถูกนำตัวไปที่โรงสีร้างแห่งหนึ่ง มีคนร้ายอีกกลุ่มรออยู่แล้ว เตชิตถูกลากตัวไปมัดไว้แน่น พวกมันรอเวลาที่เขาฟื้นเพื่อจะได้รุมทำร้ายให้สนุกมือ เสียงใสคิดหาทางช่วยเตชิต เธอจะปล่อยให้เขาตายไม่ได้ หญิงสาวหลับตาคิดถึง ศรีตรัง ลืมตาอีกครั้งเธอมาอยู่ที่ห้องอาหารในอาคารรับรองของไร่สุขศรีตรัง เสียงร้องอย่างตกใจของจุรีทำให้เสียงใสรู้ว่านางมองเห็นเธอ เสียงใส ดีใจที่ศรีตรังกับตรีทศอยู่ที่นั่นด้วย เธอทั้งปลอบทั้งขู่จุรีอยู่นานกว่านางจะยอมเป็นล่ามพูดตามเธอบอกให้ศรีตรังรู้ว่าเตชิตกำลังอยู่ในอันตราย หญิงสาวไม่ลังเลที่จะรีบไปช่วยเพื่อนสักนิดเดียว ศรีตรังคว้าปืนคู่ใจ แล้วจึงหยิบอีกกระบอกส่งให้ตรีทศ เธอสั่งให้จุรีไปด้วยเพราะต้องคอยเป็นล่ามพูดแทนเสียงใส เพื่อบอกทางนั่นเองและด้วยความช่วยเหลือของธากรณ์ ศรีตรังจึงหาโรงสีร้างนั่นพบ ส่วนเตชิตถูกพวกมันใช้น้ำสาดหน้าจนต้องฟื้น คนแรกที่เขาเห็นหน้าคือนายเจียง พ่อค้ายาตัวร้ายคู่อริของเขานั่นเอง เตชิตเจ็บระบมไปทั้งตัวแต่น้อยกว่าเจ็บใจที่พลาดท่าถูกศัตรูจับมาได้ เจียงสั่งให้ลูกน้องซ้อมเขาอย่างสะใจ แผนล่อซื้อยาของเตชิตทำให้เจียงเสียเครดิต เสียชื่อในวงการค้ายา ทันทีทีถูกปล่อยตัวเขาก็วางแผนล้างแค้นทันที จนกระทั่งได้ตัวเตชิตมาในวันนี้

          ศรีตรัง กับ ตรีทศ ลอบเข้าไปในโรงสี ภาพที่เพื่อนโดนรุมซ้อมทำให้ศรีตรังทนไม่ไหว เธอกับตรีทศบุกลุยเข้าไปช่วยเตชิตโดยไม่รอธนากรณ์ที่กำลังตามมาพร้อมตำรวจอีกหลายนาย ศรีตรัง ตรีทศ เตชิต โชคดีที่ตำรวจมาทันเวลา พวกนายเจียงเผ่นหนีไปคนละทิศละทาง เตชิตถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ในช่วงเวลาวิกฤตและวุ่นวายนั้น ปรายดาวที่หลับนิ่งไม่รู้ตัวมานาน เกิดอาการชักเกร็งเป็นระยะ ๆ และรุนแรงขึ้นอย่างน่ากลัว จนปรกเดือนต้องรีบนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล ธนากรณ์ มองตามปรกเดือนที่เดินเกือบเป็นวิ่งตามเตียงผู้ป่วยไปที่ลิฟต์ เขาจำได้ว่าผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงคือผู้หญิงในภาพเสก็ตช์ที่เตชิตเคยนำมาให้ดู เขาหาทางหาข้อมูลเพิ่มเติมทันที ในช่วงเวลาเดียวกัน เสียงใสที่อยู่เฝ้าเตชิตในห้องพิเศษรู้สึกแปลก ๆ เหมือนเมื่อครั้งที่เธอพบพระพุทธรูปองค์นั้น เธอเดินออกไปจากห้อง และเห็นปรกเดือนเดินเข้าประตูห้องที่ไม่ห่างจากห้องนี้นัก เสียงใสจำได้ว่าเป็นพี่สาวของเธอนั่นเอง จึงเดินไปที่ห้องนั้น ชื่อ ปรายดาวที่ติดไว้หน้าห้องทำให้เสียงใสรู้สึกคุ้นเคย เธอเดินผ่านประตูเข้าไปยืนข้างเตียงคนไข้แล้วนิ่งไป ปรายดาวเหมือนกับเธอเหลือเกิน

          รุ่งขึ้นพอลมาพบเตชิตเพื่อสอบปากคำ เขาต้องรับผิดชอบคดีนี้ด้วย พอลหนักใจเมื่อเตชิตไม่ยอมให้ความร่วมมือ นอกจากไม่ให้รายละเอียดแล้วยังกวนประสาทอีกต่างหาก พอลกำลังจะกลับเมื่อศรีตรังเข้ามาในห้อง ทั้งคู่ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นหน้าและสบตากันชัด ๆ ชายหนุ่มเป็นฝ่ายได้สติก่อนพอลจึงรีบออกจากห้อง ขณะที่ศรีตรังผลุนผลันตามเขาออกมาเช่นกัน เธอวิ่งมาขวางหน้าเขา ท่าทางเธอดีใจมากที่พบเขา ศรีตรังเรียกเขาอย่างมั่นใจว่า พี่เพชร แต่พอลปฏิเสธอย่างสุภาพ ห่างเหิน ก่อนจะรีบเดินจากไป เธอมองตามเขาจนลับตาก่อนจะกลับเข้าไปที่ห้องเตชิต เขาถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ศรีตรังตอบเพียงว่า พี่เพชร เตชิต จำได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าพอลนัก 

          ศรีตรังหลบออกมานั่งคิดคนเดียว ถึงจะผ่านไปนานเป็นสิบปี เธอก็จำพี่เพชรได้ เขาเป็นรักครั้งแรกของเธอ พบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเขาเป็นรุ่นพี่ที่ น่ารัก ใจดีกับน้อง ๆ ไม่โหดเหมือนคนอื่น ๆ มาดนิ่ง ๆ พูดน้อยค่อนข้างขรึมกลับทำให้น้อง ๆ เกรงใจ ศรีตรังอมยิ้มเมื่อคิดถึงวันแรกที่เพชรกล้าเข้ามาพูดคุยด้วยหลังจากที่แอบมองมาหลายวัน เพชรพยายามเป็นพี่ที่ดีแม้ว่าบ่อยครั้งที่เขาแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงหรือหวงน้องศรีตรังมากไปหน่อย เพชรกับเตชิตไม่ถูกกันเลย เขาไม่ชอบที่เธอสนิทสนมกับเตชิตมากจนเหมือนจะรู้จักรู้ใจกันไปทุกเรื่อง

          ส่วนเตชิตไม่พอใจที่เพชรเข้ามาวุ่นวายกับเพื่อนสาวเกินกว่าการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องคนอื่น ๆ ความสนิทสนมระหว่างเตชิตกับศรีตรังทำให้เพชรระแวง วันหนึ่งเขา จึงสารภาพกับน้องศรีตรังว่าเขารู้สึกกับเธอมากกว่าการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ศรีตรังเองก็เต็มใจที่จะเป็นมากกว่ารุ่นน้อง สำหรับเขาเช่นกัน เพชรกับเธอคุยกันรู้เรื่องเข้าใจกันทุกอย่างยกเว้นเรื่องเดียวคือ เตชิต เขาไม่ยอมรับว่า เตชิตเป็นเพื่อนตายของเธอ เมื่อเพชรเรียนจบ พ่อกับแม่ให้เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ ก่อนเดินทางเพชรพาศรีตรังไปเที่ยวด้วยกันจนค่ำ เตชิตไม่ไว้ใจเพชรอยู่แล้วจึงแอบตามดูไปเรื่อย ๆ เมื่อเห็นเพชรเดินประคองศรีตรังที่เดินเซเหมือนคนเมาออกมาจากผับแห่งหนึ่ง เตชิตหมดความอดทนเขาเข้าใจว่าเพชรมอมเหล้าเพื่อนสาวเพื่อหวังรวบรัดเธอให้เป็นของเขาก่อนที่จะไปเมืองนอก

          เตชิตดึงศรีตรังออกจากอ้อมกอดเพชรแล้วจึงชกต่อยเขาแรงจนแทบสลบโดยไม่ฟังเสียงห้ามของศรีตรังเลย เรื่องวันนั้นเป็นการเข้าใจผิดแท้ๆ เพชรบอบช้ำจนต้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อศรีตรังไปเยี่ยมเขายื่นคำขาดให้เธอเลือกระหว่างเขากับเตชิต เธอปฏิเสธแล้วรีบกลับ และจากวันนั้นศรีตรังไม่มีโอกาสได้พบเพชรอีกเลย เขาไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วหายเงียบไป ศรีตรังข่มใจใช้ชีวิตตามปกติ มุมานะทำงานเพื่อให้ลืมเขา ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าเธอทำไม่ได้ เธอยังรักเพชรและรอเขากลับมาเสมอ เมื่อพบพอล เธอมั่นใจว่าเขาคือพี่เพชร แต่เขากลับปฏิเสธ ศรีตรังได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวอยู่เฝ้าเตชิตมีความหวังลึก ๆ ว่าอาจจะมีโอกาสได้พบพอลอีกแต่เขาก็ไม่กลับมาอีก
เลย

          ตลอดเวลาที่นอนป่วยอยู่หลายวันเตชิตแปลกใจว่าเสียงใสหายไปไหน เขาอยากขอบใจเธอที่อุตส่าห์ไปตามศรีตรังมาช่วยเขาจนได้ ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงคำพูดเพื่อนสาวที่เล่าวีรกรรมของเสียงใสอย่างตื่นเต้น เตชิตอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆเสียงใสก็ปรากฏตัวขึ้นมา ท่าทางเธอหม่นเศร้า เสียงใสขอให้เขาเก็บพระในกรอบพลาสติกของเธอไว้เป็นที่ระลึกเพราะเธอไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอต่อไป เสียงใสพาเขาไปที่ห้องปรายดาว เตชิตเข้าใจทันทีเมื่อเห็นเธอ เสียงใสบอกว่าเธอพยายามอย่างยิ่งที่จะกลับเข้าร่างแต่ไม่สำเร็จ เสียงใสเดินไปล้มตัวลงนอนทาบกับร่างปรายดาว เห็นเป็นภาพเหลื่อมซ้อนกันอยู่อย่างน่าแปลกใจ เสียงใสพูดเศร้า ๆ ว่าเธอคงล่องลอยอยู่อย่างนี้ตลอดไป เตชิตคิดถึงสิ่งที่จะเชื่อมวิญญาณกับร่างกายเข้าด้วยกัน ชายหนุ่มถอดสร้อยที่คล้องพระของเสียงใสออกแล้วสวมให้กับปรายดาวทันที เขาแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อภาพเสียงใสที่ซ้อนอยู่กับปรายดาวหายไป เตชิตจับมือเธอมากุมไว้ พลางมองหน้าเธอแทบไม่กระพริบตา เขาอยากเห็นเวลาเธอลืมตาตื่นขึ้นมาและอยากให้เธอเห็นเขาเป็นคนแรก ทว่ารออยู่นานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหญิงนิทราไม่ตื่นเสียที เตชิตโน้มตัวลงจูบเธอหวังให้รู้สึกตัว เขาถอนใจเมื่อปรายดาวยังคงไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มตัดสินใจกลับไปที่ห้องก่อนที่จะมีใครมาพบเขาที่นี่

          เตชิตบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจที่ไม่พบเสียงใสอีกเลยจนกระทั่งเขาออกจากโรงพยาบาล ศรีตรังพยายามติดต่อขอพบกับพอล เพื่อจัดการปัญหาที่ค้างคาใจแต่กลับกลายเป็นว่าต้องผิดใจกันมากขึ้น ธนากรณ์และจ่าธงลูกน้องคนสนิท หาข้อมูลประวัติของ ปรายดาว ตามที่เตชิตต้องการ ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวพันถึงพอล ปรกเดือน และเดนิส อย่างไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อเตชิตได้ข่าวว่าเดนิสกำลังจะส่งมอบยาเสพติดจำนวนมากให้กับลูกค้าที่สวนผลไม้แห่งหนึ่ง เขากับธนากรณ์และจ่าธงจึงตามไปซุ่มดู เตชิตดีใจมากที่เห็นพอลอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ธนากรณ์ถ่ายภาพไว้ได้ชัดเจน ไม่นานนักเดนิสก็มาถึง การซื้อขายเริ่มต้นขึ้น แต่ยังไม่เรียบร้อยพวกนั้นก็ต้องหนีกันวุ่นวาย เมื่อตำรวจหลายสิบนายเข้ามาล้อมจับ เตชิตรีบตามเดนิสที่หิ้วกระเป๋าเงินหนีไปทันที เดนิสรีบเดินเพื่อหนีออกทางประตูหลังสวน แต่ปรกเดือนเข้ามาขวางไว้ เธอขอร้องให้เขาหนีไปกับเธอและลูก ปรกเดือนเพิ่งจะบอกกับเขาก่อนเดินทางมาที่นี่ว่าเธอท้อง เดนิสจำได้ว่าสั่งให้เธอเอาเด็กออก เขาไม่คิดว่าเธอจะดื้อรั้นอย่างนี้ สถานการณ์คับขันจน เดนิสไม่มีเวลาทะเลาะด้วย เขาคว้าแขนเธอให้หนีไปด้วยกัน แต่ปรกเดือนขืนตัวไว้ เดนิสชะงักเมื่อหันมาเห็นปืนในมือเธอ ปรกเดือนพูดเสียงเย็นว่าเขาต้องตายพร้อมเธอกับลูก เพื่อจะได้หนีไปมีชีวิตใหม่ด้วยกัน เธอยิงเดนิสทันที เตชิตกับศรีตรังรีบเข้ามาแย่งปืนก่อนที่ปรกเดือนจะฆ่าตัวตาย เดนิสบาดเจ็บสาหัสเสียชีวิตระหว่างส่งโรงพยาบาล ศรีตรังเสียใจมากเมื่อเห็นว่าพอลถูกตำรวจจับ เวลาสิบปีเปลี่ยนให้พี่เพชรคนดีของเธอเป็นคนเลวไปแล้ว

          เตชิตถูกผู้กำกับเสนาเรียกพบด่วน เขาโดนท่านตำหนิที่ไม่ยอมวางมือจากคดีเสี่ยสงคราม แต่เขาก็มีส่วนช่วยให้คดีนี้จบลง เตชิตแปลกใจจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นพอลเดินเข้ามาในห้องนั้นด้วย พอลควรจะอยู่ในห้องขังไม่ใช่ที่นี่ ผู้กำกับเสนาจึงอธิบายยิ้ม ๆ ว่า พอลทำงานให้ตำรวจสากล เขาแฝงตัวอยู่กับกลุ่มของเดนิสมาหลายปี และที่ต้องปลอมเป็นตำรวจไทยก็เพื่อให้เดนิสไว้ใจนั่นเอง

          เรื่องชุลมุนวุ่นวายเมื่อเตชิตมาเยี่ยมปรายดาว หญิงสาวยังหลับตาพริ้มบนเตียงแต่สีหน้าสดใสขึ้น ชายหนุ่มโน้มตัวลงกำลังจะขโมยจูบแก้มเจ้าหญิงนิทรา เขาผงะออกเมื่อปรายดาวลืมตาขึ้น เตชิตดีใจมากแต่เธอกลับร้องให้คนช่วย เขาพยายามเรียกเธอว่าเสียงใสเพื่อเตือนความจำ ปรายดาวมองเขาอย่างหวาดกลัว เตชิตอยากจะบ้าเมื่อจู่ ๆ พอลก็เปิดประตูเข้ามา เขาตรงเข้าไปกอดปรายดาว อย่างปลอบใจ เธอกอดเขาแน่นอย่างกลัวจริง ๆ เตชิตจึงเดินออกจากห้องอย่างโกรธ ๆ เสียงใส ฟื้นขึ้นมาในร่างปรายดาวแต่จำเขาไม่ได้ ที่ร้ายกว่านั้นพอลเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีกจนได้ ชายหนุ่มแค้นใจพูดไม่ออกเมื่อพอลตามมาบอกว่าปรายดาวเป็นคู่รักของเขา พอลขอให้เขาเลิกวุ่นวายกับเธอได้แล้ว

          เตชิตขับรถออกจากโรงพยาบาลอย่างโกรธจัด แต่แล้วก็ต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอีกจนได้เมื่อรถของเขาโดนรถบรรทุกขนาดใหญ่ชนอย่างแรง ศรีตรังตามมาเยี่ยมเพื่อนเธอบ่นพึมเรื่องที่เขาโชคร้าย เจ็บตัวบ่อยเหลือเกิน แต่เมื่อเตชิตเล่าเรื่องพอลและการทำงานของเขาให้ฟัง ศรีตรังดีใจที่พี่เพชรเป็นคนดี ความดีใจหายไปทันทีเมื่อเตชิตพูดต่อว่า พอลเป็นคู่รักของปรายดาว ชายหนุ่มสรุปให้เพื่อนสาวฟังสั้น ๆ ว่า เสียงใสก็คือวิญญาณของปรายดาว เขารักเสียงใสหรือปรายดาวคนนี้ พอลหรือพี่เพชรไม่ควรจะมายุ่ง เพราะฉะนั้นศรีตรังต้องช่วยเขาวางแผนฟื้นความจำคนคู่นี้ให้ได้ พี่เพชรจะได้กลับมาหาน้องศรีตรังและ ปรายดาวก็ควรจะอยู่กับเตชิต

          ปรายดาวต้องทำกายภาพบำบัดอยู่หลายเดือนกว่าจะเดินได้เป็นปกติ เธอเสียใจเมื่อรู้เรื่องปรกเดือน ปรายดาวไปเยี่ยมพี่สาวบ่อย ๆ เพื่อให้กำลังใจ ปรกเดือนใกล้คลอดเต็มทีแต่เธอก็มีความสุขที่จะมีลูก ซึ่งจะเป็นตัวแทนของเดนิส ปรายดาวชวนพอลไปเที่ยวที่ไร่สุขศรีตรัง ชายหนุ่มเข้าใจว่าเธอจำทุกอย่างได้แล้ว แต่ไม่ใช่ ปรายดาวได้แผ่นพับประชาสัมพันธ์ของไร่นี้ส่งมาที่บ้านจนอยากจะไปเที่ยว ส่วนพอลแม้จะปฏิเสธกับศรีตรังว่าเขาไม่ใช่พี่เพชร แต่เขาก็หลอกตัวเองไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร การเดินทางไปไร่สุขศรีตรังครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบน้องศรีตรังก็ได้ เมื่อทั้งสองคนเดินทางมาถึงไร่ แผนการฟื้นความจำของเตชิตและศรีตรังก็เริ่มขึ้น ศรีตรังต้อนรับพอลเหมือนลูกค้าคนอื่น ๆ เธอทำเหมือนเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกค่อนข้างไว้ตัวและหมางเมินจนพอลหงุดหงิดใจ ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน ศรีตรังทำให้พอลยอมรับว่าเขาคือพี่เพชรและกลับมาหาเธอจนได้ สิบปีไม่ทำให้เขาลืมน้องศรีตรังคนนี้เลยเขายังรักเธอ ส่วนเตชิตก็ทำให้ปรายดาวจำเสียงใสและเรื่องราวระหว่างเขากับเธอได้เช่นกัน แผนการของเตชิตและศรีตรังเพื่อนสนิทคู่นี้สำเร็จลงด้วยดี







เครดิต : kapook.com

My favourite Dramas : ดอกรักริมทาง(2010)

ดอกรักริมทาง

เรื่องย่อ อนุสร์ พัฒนปรีดี (วรรณรท  สนธิไชย) ถูกเรียกตัวกลับเมืองไทยทันที เพื่อเปิดพินัยกรรมของอรรณพ (อนุวัฒน์  นิวาตวงศ์) พ่อที่เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน แต่จิตรี (ปานวาด  เหมมณี) ภรรยาใหม่กลับจัดพิธีศพอย่างรวบรัด แถมยังประกาศขายบ้านพ่อเธอทิ้ง อนุสร์จึงเหลือสมบัตอย่างเดียวคือฮั่งตู๋สุนัขแสนรู้ของพ่อ อนุสร์รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ระหว่างที่อนุสร์กำลังตามหาร่องรอยพินัยกรรม เธอกลับถูกทำร้ายเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็ทำให้ได้รู้ความจริงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการชั่วร้ายนี้คือ จิตรและ สิทธิศักดิ์ (ชัยพล  พูพาร์ต) คู่ขาหนุ่ม

          ด้านปฐวี (สุกฤษฏิ์  วิเศษแก้ว) ช่างภาพหนุ่มมีปากเสียงกับนวลจันทร์ (กาญจนา  จินดาวัฒน์) แม่ และปวีณา (อลิชา  ไล่ศัตรูไกล) พี่สาวอยู่บ่อย ๆ เพราะปฐวีคบหากับเจนจิรา (พิชญา  เชาวลิต) ดาราที่โด่งดังจากการถ่ายเซ็กซี่ น้องสาวของจิตรี นวลจันทร์และปวีณามั่นใจว่าเจนจิราคบกับปฐวีเพื่อเงิน จึงพยายามจับคู่กับปฐวีกับพัดชา (จรินทร์พร  จุนเกียรติ) ลูกสาวของไพลิน (ชนานา  นุตาคม) และวินัย (ทรงสิทธิ์  รุ่นนพคุณศรี) เพื่อสนิท แต่ปฐวีรู้ทันเลยมักจะหาทางเลี่ยงเสมอ เจนจิราที่รู้ว่าจิตรีประกาศขายบ้านเลยเสนอให้ปฐวีซื้อไว้เพราะหวังจะใช้ เป็นเรือนหอ

          นวลจันทร์จึงส่งป้าอุ้ง (โฉมฉาย  ฉัตรวิไล) ไปอยู่บ้านใหม่กับปฐวีเพื่อคอยดูแล และกันท่าเจนจิราด้านอนุสร์ที่รู้ ว่ากำลังถูกตามล่า จึงปลอมตัวเป็นผู้ชายกลับมาที่บ้านพ่ออีกครั้ง และได้รู้ว่าจิตรีขายบ้านให้ปฐวีไปแล้ว แต่สุดท้ายอนุสร์ก็หาวิธีเข้าไปอยู่ในบ้านปฐวีได้สำเร็จ ในชื่อใหม่ว่าอนุชา หรืออู๊ด ปฐวีให้อู๊ดมาทำงานแทนทินกร (เตชบดินทร์  ฉายทองดี) ผู้ช่วยที่บังเอิญประสบอุบัติเหตุขาหัก

          อนุสร์ลงมือสืบหาพินัยกรรมกับฮั่งตู๋สุนัขแสนรู้ทัน จนได้รู้ความจริงว่าพินัยกรรมฉบับจริงซ่อนอยู่ในภาพวาดของพ่อเธอ แต่อนุสร์ไม่รู้ว่าภาพไหน จึงเป็นหน้าที่ที่เธอต้องสืบหาโดยมีธัญญ์ (อนุชิต  สพันธุ์พงษ์) เพื่อนรุ่นพี่คนเดียวที่อนุสร์ไว้ใจให้รู้เรื่องแผนการปลอมตัวของเธอ คอยช่วยเหลือ

          เวลาผ่านไปหลังจากปฐวีและอู๊ดได้ใกล้ชิดกัน ปฐวีเริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับอู๊ด และเริ่มสงสัยว่าตัวเองอาจจะกลายเป็นเกย์ ปฐวีเครียดจัดถึงขึ้นไปปรึกษาจิตแพทย์ บวกกับถูกเจนจิรารบเร้าเรื่องแต่งงานหนักเข้า ปฐวีเลยตัดสินใจแต่งงานกับเจนจิรา ท่ามกลางเสียงคัดค้านของแม่และพี่สาว

          ส่วนอู๊ดที่แอบรักปฐวีมานานก็เสียใจมาก เก็บข้าวของออกจากบ้านปฐวีทันที แต่ก่อนไปอู๊ดแอบไปขโมยภาพวาดที่ออฟฟิสปฐวี แต่เกิดถูกจับได้ อู๊ดเลยโกหกว่าจริงๆแล้วตนคือคนที่อนุสร์จ้างให้มาสืบหาพินัยกรรมตัวจริง ปฐวีเชื่อสนิทใจจึงอาสาจะช่วยอู๊ดตามหาพินัยกรรมอีกแรง แต่จู่ๆ ภาพวาดทั้งหมดกลับถูกจิตรีและสิทธิศักดิ์ขโมยไปเผา แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันตามหาภาพวาดทั้งหมดกลับมาจนได้




















My Favourite Dramas : Summer Beach(2005)

 Summer Beach : คลื่นรักซัมเมอร์

เรื่องย่อ  Summer Beach กล่าวถึงความรักของบรรดาหนุ่มสาวที่เกิดขึ้นที่ทะเลอันสวยงาม เป็นบันทึกรักอันแสนโรแมนติกและอวลไปด้วยความอบอุ่นในความรักของบรรดาหนุ่มสาว .... ท่ามกลางบรรยากาศ ทะเล ภูเขา ที่พักตากอากาศชายทะเลยุนโชราใฝ่ฝันอยากเป็นครูฝึกโลมา เธออุตส่าห์หนีออกจากบ้านโดยให้เพื่อนชื่อมินจองเตรียมเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ แต่พอถึงโซลเมื่อได้พบกับจังเทพุงโดยบังเอิญก็เกิดมีปากเสียงกันจนเป็นเหตุให้กระเป๋าหายไปพร้อมเอกสาร ยุนโชราจำต้องกลับบ้านไปหาปู่ของเธอที่แสร้งทำเป็นป่วยเพื่อให้ยุนโชรากลับบ้าน ความฝันของยุนโชราจึงต้องพับทิ้งไว้ก่อน ยุนโชราต้องตั้งต้นใหม่ด้วยการหางานพิเศษนอกจากการช่วยปู่ดูแลกิจการโรงแรมเล็ก ๆ ด้วยการไปเป็นแม่ครัวให้แก่หน่วยกู้ภัยชายหาดของโรงแรมฮันเปียที่เป็นของครอบครัวเทพุง ซึ่งจังเทฮอน พี่ชายของเทพุง เข้ามาดูแลโครงการ พวกเขาต้องการขยายโรงแรมโดยกว้านซื้อที่ดินชาวบ้านย่านนั้นให้ได้ จังเทฮอนมีมินจูฮีเป็นผู้ช่วย มินจูฮีเป็นหญิงสาวที่ครอบครัวหวังให้เกี่ยวดองกับเขาเพื่อความมั่นคงทางธุรกิจของครอบครัว แรกเริ่มจังเทฮอนก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะเขาเป็นคนทะเยอทะยานต้องการความก้าวหน้าได้ดูแลกิจการโรงแรมของครอบครัวซึ่งเขามีความคลางแคลงและ ระแวงว่าพ่อจะมอบกิจการเหล่านั้นให้แก่จังเทพุงที่เป็นลูกชายแท้ ๆ ของพ่อ เพราะเขามักเห็นพ่อคอยเป็นห่วงเป็นใยลูกชายคนเล็กนี้ แม้ว่าฝ่ายนั้นจะเกเรแล้วไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน คอยแต่สร้างเรื่องปวดหัวให้ ซึ่งจังเทฮอนเห็นว่า แท้จริงแล้วน้องชายของเขาคนนี้ก็มีความคิดดี ๆ เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เคยสนับสนุนน้องชายให้ได้ทำงานดี ๆ ตามความสามารถของน้อง เมื่อพ่อให้จังเทพุงมาช่วยงานที่โรงแรม เขากลับแกล้งส่งจังเทพุงไปอยู่ในหน่อยกู้ภัยเสีย ทีแรกจังเทพุงไม่ยอมแต่เมื่อได้ยินคำปรามาสของพี่ชายกับการไม่ยอมรับในตัวเขาของหัวหน้าหน่วยกู้ภัย เขาเกิดอยากเอาชนะ จึงยอมไปอยู่ที่นั่นโดย ไม่ยอมเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตนเอง…

จังเทพุงมีความสามารถด้านการว่ายน้ำเป็นเลิศทำให้เขากับยองจินรุ่นน้องที่มักติดสอยห้อยตามเขาไปทุกที่ ผ่านการทดสอบ แล้วความดื้อของเขาในหลายเรื่องก็สร้างความปวดหัวให้แก่หัวหน้าหน่วยกู้ภัย แต่ขณะเดียวกันความมุ่งมั่นที่จะช่วยชีวิตผู้อื่นของจังเทพุงก็สร้างความประทับใจให้หัวหน้า หน่วยจนฝ่ายนั้นต้องยอมรับเขาในเวลาต่อมา... 

จังเทพุงได้พบกับยุนโชราที่หน่วยกู้ภัย สองคนไม่ค่อยจะลงรอยกันนักมักเป็นคู่ปรับที่ทะเลาะแล้วกลั่นแกล้งกันบ่อย ๆ แต่เมื่อยุนโชราได้ช่วยจังเทพุงในการออกติดตามหาพ่อของมินจูฮีที่ออกไปหาปลาแล้วติดเกาะได้ ทำให้พวกเขารู้สึกดีต่อกันเงียบ ๆ อย่างไม่รู้ตัว ด้วยความชำนาญในพื้นที่ยุนโชราจึงได้เป็นสมาชิกใหม่ของหน่วยกู้ภัย โดยมีจังเทพุงเป็นคู่หูที่ต้องทำงานด้วยกัน เขามักป่วนจนเธอต้องสับสนวุ่นวายบ่อย ๆ แต่เธอก็มีความสุขกับการได้ทำงานร่วมกับจังเทพุง... 

แม่ของจังเทพุงมาปรากฏตัวที่โรงแรมเพื่อร้องเพลง แม่ที่ทิ้งจังเทพุงไปตั้งแต่เด็กแล้วไม่เคยรักษาสัญญาว่าจะกลับมาหาเขา ยุนโชรามีโอกาสได้พบแม่ของจังเทพุงแล้วช่วยให้สองแม่ลูกได้ปรับความเข้าใจกัน ทำให้ความผูกพันระหว่างจังเทพุงและ ยุนโชราเพิ่มพูนมากขึ้น แต่เวลานั้นจังเทพุงยังคิดว่าตนเองยังหลงรักมินจูฮีอยู่แต่เขาก็ไม่เคยบอกให้เธอรู้เพราะว่าฝ่ายนั้นแอบชื่นชมในตัวพี่ชายเขาอยู่ เมื่อมินจูฮีตัดสินใจจะหมั้นกับจังเทฮอนจริง ๆ จังเทพุงจึงสารภาพรักกับเธอแล้วให้มินจูฮีทบทวนหัวใจตัวเองใหม่ แต่เมื่อเธอยืนยันเลือกพี่ชายเขา จังเทพุงก็รู้สึกโล่งอกอย่างประหลาด…เขาไม่ได้อกหักแต่อย่างใด... 

ยิ่งนับวันจังเทฮอนก็เริ่มลังเลมากขึ้นเพราะเมื่อเขาได้พบกับยุนโชรา ความร่าเริงและความมีน้ำใจของทำให้เขาหลงรักเธอจนอดแสดงความเป็นห่วงเป็นใยไม่ได้ จนมินจูฮีอิจฉาต้องเร่งรัดให้จัดงานหมั้นขึ้น ขณะนั้นเธอก็ใช้แผนปล่อยเงินกู้ให้แก่ปู่ยุนโชรา เพื่อจะได้ยึดโรงแรมของเธอมาเป็นของกิจการโรงแรมฮันเปีย เธอพยายามให้จังเทฮอนดำเนินการซื้อที่ดินโรงแรมของยุนโชราเสียแต่เขาก็ลังเลจนมินจูฮีต้องจัดการเอง มินจูฮีได้เห็นแฟ้มโครงการที่จังเทพุงทำไว้ในลิ้นชักโต๊ะจังเทฮอน เธอชอบไอเดียของเขาจึงขอคำแนะนำแล้วทำโครงการนั้นร่วมกับจังเทพุงเสนอแก่ผู้บริหารซึ่งคือพ่อของจังเทพุง ท่านพอใจมากแล้วต้องการให้จังเทพุงทำงานดังกล่าวต่อ จังเทพุงจึงต้องออกจากหน่วยกู้ภัยไปทำงานที่สำนักงานในโซล... 

จังเทฮอนยกเลิกการหมั้นกับมินจูฮี แม้ว่าจะรู้ว่าเธอคือบันไดลัดสู่ความสำเร็จของเขาก็ตามทำให้พ่อของมินจูฮีโกรธ มินจูฮีพลอยชิงชังยุนโชราไปด้วย เมื่อเธอผิดหวังก็ขอกลับไปหาจังเทพุง แต่ว่าเวลานั้นความผูกพันระหว่างจังเทพุงกับยุนโชรา ก้าวหน้าไปมาก พวกเขารู้จักหัวใจตัวเองแล้วแอบคบกันเงียบ ๆ 
จังเทฮอนซื้อที่โรงแรมยุนโชราได้แล้วใส่ชื่อเขากับเธอเป็นเจ้าของร่วมกัน แต่ยุนโชราไม่อาจรับไว้ได้ เพราะไม่ว่าจังเทฮอนจะทำดีกับเธออย่างไรเธอก็ไม่อาจรักเขาได้ เธอนำเอกสารไปคืนจังเทฮอนที่โรงแรม จึงได้ยินมินจูฮีคุยกับจังเทพุงให้เขารีบรวดรัด ให้ได้ครอบครอง ยุนโชราเสียใจเพราะเข้าใจว่าจังเทพุงเข้ามาทำงานกับเธอเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงการขยายรีสอร์ทเป็น การสร้างเครื่อข่ายโรงแรมแฟรนไชส์ซึ่งโครงการผ่านการเห็นชอบระดับหนึ่งแล้วจากผู้ร่วมทุน เธอไม่ต้องการให้โครงการสำเร็จ เพราะจังเทพุง กับยุนโชรา จะกลับมาเข้าใจกันอีกเพราะเธอเวลานั้นต้องการตัวจังเทพุง ...ยุนโชราได้รู้ความจริงจึงรีบไปตามหาจังเทพุงแล้วขอโทษเขาที่เธอไม่ไว้ใจเขา เข้าใจเขาผิดมาโดยตลอด…ประธานจังรู้ว่าลูกชายสองคนของเขาไปชอบผู้หญิงชื่อยุนโชราเหมือนกันก็ให้คนสนิทสืบประวัติบ้านนั้นจนได้พบว่า ที่แท้ปู่ของยุนโชราเป็นพ่อที่พลัดหลงกับเขาเมื่อตอนเป็นเด็ก ….ปู่ของยุนโชราขอร้องลูกชายอย่าเพิ่งบอกฐานะของตนแก่จังเทพุง เพราะเห็นว่าจังเทพุงกับยุนโชราเพิ่งคืนดีกันแล้วสองคนนั้นก็รักกันมาก ซึ่งพ่อของจังเทพุงอดเป็นห่วงลูกชายไม่ได้จึงพยายามแยกจังเทพุงกับยุนโชราออกจากกัน ด้วยการบังคับให้เขาแต่งกับมินจูฮี

ความรักความผูกพันกับท้องทะเล และผู้คนที่ชายหาดแห่งนั้นของจังเทพุงจะดำเนินไปทางใด เมื่อเขาพบว่า …ยุนโชราหญิงสาวที่เขารักกลายลูกพี่ลูกน้อง …เป็นหลานคุณปู่เหมือนกับเขา จังเทฮอนจะฉวยโอกาสนี้ในการได้ครอบครอง ยุนโชราที่เขาก็รักหรือไม่






เครดิต : JKDRAMAS.com